Page 43 - รายงานฉบับสมบูรณ์ เหลียวหลังแลหน้า 2 ทศวรรษ สิทธิมนุษยชนในสังคมไทย
P. 43
ยุทธศาสตร์องค์กรมารองรับ อีกทั้งสารที่ส่งไปถึงผู้รับสารยังขาดความชัดเจน และไม่ทันต่อ
เหตุการณ์ จึงส่งผลกระทบต่อประสิทธิผลของกระบวนการสื่อสารทั้งระบบ รวมถึงการสื่อสาร
ภาพลักษณ์ของ กสม. ในภาวะวิกฤติทางการเมือง เป็นไปในทิศทางที่ไม่พึงประสงค์ ดังนั้น กสม.
ควรสร้างระบบติดตามและประเมินผล กระบวนการสื่อสารขององค์กร เพื่อให้ทราบถึงความสำเร็จ
และความล้มเหลวในประเด็นการสื่อสารต่าง ๆ และนำมาปรับปรุงกระบวนการสื่อสารขององค์กรให้มี
ประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพิ่มมากขึ้นในอนาคต และควรจัดให้มีผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสาร
โดยตรงเป็นผู้คอยให้คำปรึกษา
จากงานวิจัยของวรรณธนพล และ นันทนา (2562) ข้างต้น ชี้ให้เห็นว่า ที่ผ่านมา กสม.
อาจจะยังไม่สามารถสื่อสารให้สังคมรับรู้ทั้งในแง่ของบทบาทที่ชัดเจนของตัวองค์กรและการทำหน้าที่
เป็นกระบอกเสียงด้านสิทธิมนุษยชนในสังคมไทยได้อย่างดีเพียงพอ โดยเฉพาะท่ามกลางบริบทที่มี
ความขัดแย้งทางการเมืองและมีการละเมิดสิทธิของพลเมืองในทางการเมือง ตลอดจนกระแสการ
ไหลเวียนเปลี่ยนแปรของข่าวสารจำนวนมหาศาลในยุคสื่อหลอมรวมและช่องทางในการสื่อสารเปิด
กว้างให้ประชาชนทั่วไปสามารถผลิตสื่อเองได้ด้วย ดังนั้น หาก กสม.จะสร้างพื้นที่ปักหมุดหมายบน
หน้าสื่อได้ อาจต้องการยุทธศาสตร์การสื่อสารรูปแบบใหม่ ๆ ที่จะทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
ที่ต้องการให้ได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารมากขึ้น การสื่อสารประชาสัมพันธ์เพื่อการสร้างภาพลักษณ์อาจไม่
เพียงพอต่อการนำเสนอบทบาทและการทำหน้าที่ของ กสม. ได้ ที่สำคัญงานวิจัยเกี่ยวกับยุทธศาสตร์
การสื่อสารของ กสม. ยังเป็นพื้นที่ที่ท้าทายและยังต้องการงานวิจัยอีกมากเพื่อจะวิเคราะห์และ
นำเสนอยุทธศาสตร์การสื่อสารที่ทรงพลังในการสร้างการรับรู้ต่อสังคม ซึ่งเมื่อสำรวจปรากฎการณ์
บนหน้าสื่อต่าง ๆ พบว่า กสม.เป็นองค์กรหนึ่งที่ปรากฏเป็นข่าวในหน้าสื่อมวลชนเป็นระยะ ๆ แต่มัก
ผูกติดกับภาพข่าวของ กสม. เป็นรายบุคคลมากกว่าที่จะนำเสนอข่าวสารถึงสำนักงาน กสม. ใน
ภาพรวม และมักปรากฏเป็นข่าวสารเชิงวิพากษ์การทำงานของ กสม. ที่อาจไม่ได้ยืนอยู่บนความ
เข้าใจอย่างถูกต้องต่อบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของ กสม. ต่อสังคม
วรรณกรรมที่เกี่ยวกับบทบาทการทำหน้าที่ของ กสม. และการพัฒนาองค์กร กสม. ในเชิง
การทบทวนผลงาน บทเรียนที่สำคัญเพื่อการขับเคลื่อนงานต่อไปในอนาคตถือเป็นงานสำคัญเพื่อจะ
ยกระดับการทำงานของ กสม.ให้มีประสิทธิภาพในการปกป้องสิทธิมนุษยชนของประชาชนในทุก ๆ
ด้าน แม้ว่าจะมีการจัดทำรายงานการทำงานประจำปีมาตั้งแต่ปี 2545 แต่การทบทวน วิเคราะห์ ถอด
บทเรียนร่วมกันถึงจุดอ่อนจุดแข็งในการทำงานทั้งจากมุมมองของคนในองค์กร และคนนอกองค์กร
เพื่อถอดบทเรียนร่วมกันถือว่ายังมีน้อยมาก ที่ผ่านมาพบงาน การสะท้อนไตร่ตรองตนเอง ของ
กสม. ชุดที่ 1 ที่วิเคราะห์ปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อการทำงานของ กสม. และการขับเคลื่อนประเด็น
สิทธิมนุษยชนในสังคมไทย โดยวิเคราะห์ที่กฎหมายรัฐธรรมนูญไว้ในเอกสารรวมบทความและ
สัมภาษณ์ สุนี ไชยรส เรื่อง “รัฐธรรมนูญกับบทเรียนของ กสม.” (2552) งานอีกชิ้นหนึ่งเป็นการ
สะท้อนบทเรียนของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงาน และ กสม. เรื่องสถานการณ์การละเมิดสิทธิ
แรงงานและบทเรียนหกปีของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงาน (2551) และพบว่าในรายงานผลการ
ปฏิบัติงานประจำปีของ กสม. ที่จัดทำขึ้นเพื่อรายงานต่อรัฐสภานั้นมีประโยชน์ต่อการนำมา
สังเคราะห์เพื่อการพัฒนาแนวทางการทำงานเพื่อขับเคลื่อนสิทธิมนุษยชนในสังคมไทยให้มี
ยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนอย่างได้ผลมากขึ้น ร่วมกับงานค้นคว้าวิจัยอื่น ๆ เช่น งานที่เกี่ยวกับ
ความคาดหวังของสังคมต่อบทบาท การทำหน้าที่อย่างอิสระ ตรงไปตรงมาและได้ผลขององค์กร
กสม. มีหลายชิ้นที่พึงพิจารณา เช่น งานของบวรศักดิ์ อุวรรณโณ (2560) เรื่อง กสม. ในความ
คาดหวัง งานวิทยานิพนธ์ของ ชนินทร์ อินทรปัญญา (2561) เรื่อง บทบาทของคณะกรรมการสิทธิ
-34-