Page 48 - รายงานฉบับสมบูรณ์ เหลียวหลังแลหน้า 2 ทศวรรษ สิทธิมนุษยชนในสังคมไทย
P. 48

พัฒนาการตามมาตรฐานสากล
                          ขณะที่ ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ (2536: 76 - 85) รวบรวมนำเสนอให้เห็นพัฒนาการและยังให้
                    แง่มุมเชิงเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยกัน เขาชี้ให้เห็นว่าประเทศไทย
                    มีการทำข้อตกลงกับนานาชาติรับเอาหลักการและแนวปฏิบัติตามมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากลเข้า
                    มาในประเทศจำนวน 2 รายการเท่านั้น คือ การเลือกปฏิบัติทุกรูปแบบต่อสตรี และเรื่องการให้สิทธิ
                    ทางการเมืองแก่สตรี ในขณะที่ชัยวัฒน์ สำรวจว่าประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนในเวลานั้นมีถึง
                    22 รายการ และเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคเดียวกันไทยเป็นประเทศที่ทำข้อตกลงเป็นภาคีใน
                    อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนน้อยที่สุด ส่วนฟิลิปปินส์ทำข้อตกลงมากที่สุดในเวลานั้น กระนั้น
                    จำนวนการทำข้อตกลงก็มิได้บ่งชี้ว่าประเทศนั้น ๆ จะมีระดับการเคารพสิทธิมนุษยชนมากน้อยเพียงไร
                    ในทางปฏิบัติ

                          ชัยวัฒน์ยังขยายความให้เห็นว่า จากการประเมินขององค์กรนิรโทษกรรมสากล (Amnesty
                    International: AI) ที่รัฐบาลไทยหลายยุคหลายสมัยไม่ค่อยพอใจในการทำงานขององค์กรนี้มากนัก
                    แต่เป็นองค์กรที่คอยตรวจสอบสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศต่าง ๆ และจัดทำ

                    รายงานสถานการณ์ ตลอดจนรณรงค์ให้ความรู้และช่วยเหลือผู้เสียหายนั้น รายงานของ AI  และ
                    รายงานของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา (US State Department : SD)  ต่อเรื่องสิทธิ
                    มนุษยชนในสังคมไทยเวลานั้น พบว่า ในช่วงปี 2520 – 2531 สถานการณ์การเคารพสิทธิมนุษยชน
                    ในสังคมไทยดีกว่าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาประเมินไว้ (ชัยวัฒน์, 2536: 77) หากแต่
                    ในเวลานั้น สังคมไทย ความสนใจในเรื่องสิทธิมนุษยชนยังไม่ค่อยแพร่หลายในวงกว้าง และภาษา
                    สิทธิมนุษยชนมักจะเป็นที่รู้จักกันอยู่ในวงจำกัดมาก

                          อย่างไรก็ดีมีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า งานด้านสิทธิมนุษยชนกระจัดกระจายในหน่วยงาน
                    ภาครัฐอยู่บ้าง เช่น ในงานของกรมสังคมสงเคราะห์ ในอดีตซึ่งต่อมาย้ายมาสังกัดกระทรวงพัฒนา
                    สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือในกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งมีโต๊ะงานด้านสิทธิมนุษยชน
                    ดังเช่นผู้ให้ข้อมูลคนหนึ่งซึ่งเคยทำหน้าที่ที่โต๊ะดังกล่าวก่อนจะย้ายมาสังกัดสำนักงาน กสม. หลังจาก
                    ที่มีการตั้งสำนักงานแล้ว

                              ตัวเองเคยอยู่สถานทูตไทย ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ประมาณ 4 ปี มี
                              ความรู้สึกว่าทำไมคนอังกฤษจึงสนใจปัญหาสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย พอดี
                              ทำงานด้านสารสนเทศด้วย ก็จะมีหนังสือร้องเรียนในสมัยนั้นคือ เรื่อง child

                              prosecution แล้วก็มีคนรณรงค์เยอะแยะมากมาย พอกลับมาทำที่โต๊ะสิทธิ
                              มนุษยชน กรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงต่างประเทศ...( IKI001, 7
                              กุมภาพันธ์ 2565)


















                                                            -40-
   43   44   45   46   47   48   49   50   51   52   53