Page 36 - รายงานฉบับสมบูรณ์ เหลียวหลังแลหน้า 2 ทศวรรษ สิทธิมนุษยชนในสังคมไทย
P. 36

ขั้นตอนที่ 4 การจัดสนทนากลุ่ม
                          การสนทนากลุ่มผู้เกี่ยวข้องซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ
                            1. กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการทำงานสิทธิมนุษยชนในสังคมไทยจำนวน 33 ราย ซึ่งมา
                    จากองค์กรที่ทำงานขับเคลื่อนสิทธิมนุษยชนในมิติใดมิติหนึ่ง และมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ทั้งในอดีต
                    และ/หรือปัจจุบันในลักษณะการเป็นผู้ร่วมงานกับ กสม. ผู้ยื่นเรื่องร้องเรียน ผู้ได้รับประโยชน์จากการ
                    ปกป้องคุ้มครอง และผู้ร่วมมือส่งเสริมงานด้านสิทธิมนุษยชน
                            2. กลุ่มบุคลากรภายในสำนักงาน กสม. จำนวน 48  ราย  โดยมีผู้แทนมาจาก 9 สำนัก และ
                    1  หน่วยภายใต้สำนักงาน  กสม.  พร้อมทั้งผู้แทนจากสถาบันการศึกษาในภูมิภาคที่ทำข้อตกลงความ

                    ร่วมมือ (MOU) กับ กสม.
                          ขั้นตอนที่ 5 การจัดเวทีสาธารณะ
                          หลังจากที่ได้ดำเนินการวิจัยขั้นตอนที่ 1- 4 มาแล้ว คณะผู้ศึกษาได้จัดทำร่างรายงานเพื่อ
                    นำเสนอและรับฟังความคิดเห็น ตลอดจนเปิดให้มีการสอบทานข้อมูล เพื่อให้การจัดทำรายงานมี
                    ความรอบคอบและสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น โดยในการจัดเวทีสาธารณะนั้นมีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและ
                    ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องในประเด็นต่าง ๆ ได้วิพากษ์อย่างมีส่วนร่วม

                          ขั้นตอนที่ 6 การวิเคราะห์และเขียนรายงาน
                          การวิเคราะห์และเขียนรายงาน

                          การศึกษานี้ใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (content analysis) เขียนรายงานด้วยการพรรณนา
                    ความประกอบเรื่องเล่าที่มาจากประสบการณ์ของผู้ให้ข้อมูลทั้งจากการสัมภาษณ์เชิงลึก การสนทนา
                    กลุ่ม และในเวทีสาธารณะ ซึ่งเป็นเรื่องเล่าที่แสดงให้เห็นทั้งพัฒนาการ และประสบการณ์ตรง
                    เกี่ยวกับการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ตลอดจนเป็นจุดเปลี่ยนที่สร้างแรงบันดาลใจให้หลายคน
                    กลายเป็นนักปกป้องสิทธิมนุษยชนในเวลาต่อมา ที่สำคัญเป็นแนวทางในการทำงานด้านสิทธิ
                    มนุษยชนที่กำลังอยู่ในความสนใจและนำมาใช้ในการขับเคลื่อนงานของสถาบันสิทธิมนุษยชน
                    แห่งชาติในหลาย ๆ ประเทศ เช่น เอสโตเนีย เดนมาร์ค และโรมาเนีย เป็นต้น (EQUINET, 2021)
                    ทั้งนี้ ด้วยคณะผู้ศึกษาเชื่อตามที่ Andreassen et al (2017) ได้ชี้ให้เห็นว่า ในงานศึกษาวิจัยทางด้าน
                    สิทธิมนุษยชนซึ่งยังมีข้อจำกัดในเรื่องการพัฒนาระเบียบวิธีวิทยาของตัวเองอยู่มาก เพราะส่วนหนึ่ง
                    เป็นเพราะมุ่งวิจัยเพื่อนำความรู้ไปใช้ในทางปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาการละเมิดที่มีอยู่มาก ดังนั้น วิธี
                    วิทยาในการศึกษาวิจัยด้านสิทธิมนุษยชนจึงมักหยิบยืมมาจากหลากหลายสาขา เช่น การสืบสาว
                    วงศาวิทยาทางประวัติศาสตร์ การศึกษาโดยอ้างอิงแนวทางนิติศาสตร์ แม้กระทั่งการหยิบยืมวิธีการ
                    ทางมานุษยวิทยาที่ศึกษาเรื่องราวของคนตัวเล็กตัวน้อยในชีวิตประจำวัน ทว่า ไม่ได้หยุดเพียงแค่เรื่อง
                    เล่าหากแต่พัฒนามาเป็นสิ่งที่ซิดโดนี สมิธ เรียกว่า “Personal Narrative and Human Rights

                    Campaign” หรือถอดความได้ว่าเรื่องเล่าส่วนตนของผู้คน (personal narrative) และการรณรงค์
                    ด้านสิทธิมนุษยชน ด้วยมีตัวอย่างว่าวิธีการดังกล่าวสามารถนำไปสู่การแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิ
                    มนุษยชนในระดับโลกได้ โดยเฉพาะการเรื่องเล่า (ประสบการณ์) ส่วนตนในเวทีสิทธิมนุษยชนโลก ที่
                    สามารถช่วยค้นหาความจริงจากการถูกข่มเหงทำร้าย ทั้งหลายเรื่องเล่าก็ยังบ่งชี้ถึงตัวผู้ก่อการ
                    รุนแรงและการละเมิดได้ด้วย ดังนั้น จุดหมายปลายทางของการเล่าเรื่องส่วนตนจึงไม่ได้อยู่เพียงแค่
                    การระบายความเศร้าโศกส่วนตน แต่มันยังสามารถนำไปเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี การรวบรวม
                    เข้าจดหมายเหตุความรุนแรง และการเผยแพร่สู่สาธารณชนรูปต่าง ๆ ในสังคมได้ตระหนักถึงปัญหา
                    ได้ด้วย (ยุกติ มุกดาวิจิตร, 7 สิงหาคม 2555) กรณีตัวอย่าง ได้แก่ การเล่าเรื่องของผู้หญิงกลุ่มชาติ




                                                            -27-
   31   32   33   34   35   36   37   38   39   40   41