Page 132 - รายงานฉบับสมบูรณ์ เหลียวหลังแลหน้า 2 ทศวรรษ สิทธิมนุษยชนในสังคมไทย
P. 132
บทที่ 6
สรุปบทเรียนในอดีตและข้อเสนอสำหรับอนาคต
สรุปผลการวิจัย
โครงการ “เหลียวหลัง แลหน้า 2 ทศวรรษ สิทธิมนุษยชนในสังคมไทย” มีเป้าหมาย
ทบทวนอดีตด้วยการทบทวนเอกสาร และการรับฟังข้อคิดเห็นและเรื่องราวของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
กับการเกิดขึ้นและมีอยู่ขององค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองและส่งเสริมการเคารพสิทธิ
มนุษยชนในสังคมไทย และเชิญชวนให้เข้าร่วมการสนทนาเชิงลึกเพื่อร่วมกันตกผลึกความคิด
ทบทวนองค์ความรู้ที่ฝังลึกในตน (tacit) และความมุ่งมั่นตั้งใจ และแบ่งปันเพื่อการเรียนรู้ร่วมกัน
ในวงสนทนากลุ่ม และถอดมาเป็นรายงานเล่มนี้เพื่อส่งต่อให้คนรุ่นใหม่ หรือผู้ที่ยังไม่เคยรู้ได้มี
โอกาสเรียนรู้และรับรู้ถึงความเป็นมาขององค์กรอิสระแห่งชาติที่ไม่ได้มาโดยง่าย หากแต่ต้องฝ่า
ฟันความท้าทายนานัปการ การถอดบทเรียนในเล่มนี้จึงเชิญชวนให้ร่วมกันเรียนรู้และสร้าง
นวัตกรรมทางความคิดเพื่อสนันสนุนการสร้างชุมชนคนทำงานด้านสิทธิมนุษยชนให้เกิดความ
ตระหนักถึงความร่วมมือขับเคลื่อนงานด้านสิทธิมนุษยชนในสังคมไทยให้ก้าวหน้าและหยั่งรากลึก
ในสังคมไทยอย่างมั่นคงต่อไปในอนาคต เพื่อจะได้เป็นหลักประกันว่า สิทธิมนุษยชนของผู้คนจะไม่
ต้องถูกละเมิดอย่างที่เป็นมาในอดีต
ผลจากการเก็บรวบรวมข้อมูลจาก 1) เอกสารที่เกี่ยวข้อง 2) การสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ให้
ข้อมูล 33 ราย 3) เก็บรวบรวมแบบสอบถามจำนวน 50 ชุด 4) จัดสนทนากลุ่มจำนวน 2 ครั้งมี
ผู้เข้าร่วมจำนวน 81 ราย แบ่งเป็นคนนอก 33 คนใน 48 ราย และ 5) การจัดเวทีสาธารณะมี
ผู้เข้าร่วมในห้องประชุม (on site) จำนวน 33 ราย และผู้เข้าร่วมประชุมผ่านระบบปฏิบัติการซูม
(zoom meeting) จำนวน 85 ราย ได้ผลการวิจัยดังนี้
ข้อค้นพบ
1. พลวัตของสิทธิมนุษยชนในสังคมไทย
1.1 จุดเริ่มต้นของสิทธิมนุษยชนสากลในประเทศไทยอาจกล่าวได้ว่าเริ่มต้นพร้อมกับ
นานาชาติที่เป็นสมาชิกร่วมลงนามรับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
จำนวน 48 ชาติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 และอีก 49 ปีถัดมาจึงสามารถก่อตั้งสถาบัน
สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (National Human Rights Institute) ได้ภายใต้กฎหมาย
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปีพุทธศักราช 2540 และพระราชบัญญัติ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ปี 2542 หลังจากนั้นในปี 2544
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ชุดที่ 1 จึงได้รับการสรรหาและเริ่ม
ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเป็นทางการ โดยมีคณะกรรมการ 11 คน ดำรงวาระ 7 ปี
อย่างไรก็ดี ด้วยเสถียรภาพทางการเมืองไทยที่ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยอย่างมั่นคง
และต่อเนื่อง มีการรัฐประหารอีก 2 ครั้งตามมา ทำให้ต้องมีการร่างรัฐธรรมนูญ
ใหม่อีก 2 ฉบับ คือฉบับปีพุทธศักราช 2550 และ 2560 ซึ่งส่งผลต่อการได้มาซึ่ง
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน รวมทั้งอำนาจ หน้าที่ที่ถูกกำหนดในกฎหมาย
-127-