Page 130 - รายงานฉบับสมบูรณ์ เหลียวหลังแลหน้า 2 ทศวรรษ สิทธิมนุษยชนในสังคมไทย
P. 130

นอกจากนี้ มีความพยายามที่จะปรับแนวทางและวิธีการทำงานใหม่โดยเริ่มจากภายใน
                    สำนักงาน และประสานความร่วมมือกับฝ่ายสำนักงานมากขึ้น และสร้างวัฒนธรรมการทำงานแบบ
                    ใหม่ในองค์กรให้มีความเป็นองค์กรแนวระนาบ รับฟังเสียงของฝ่ายปฏิบัติการมากขึ้น เห็นได้จากคำ
                    กล่าวที่ว่า

                                 “ให้ความสำคัญกับการรับฟังเสียงเจ้าหน้าที่ ทัศนคติ สิทธิมนุษยชน
                          จำเป็นที่ต้องเริ่มที่บ้านหรือสำนักงานก่อน” (NKI003, 4 กุมภาพันธ์ 2565)

                         ทำให้ กสม. พยายามแก้ไขปัญหาที่เจ้าหน้าที่แต่ละคนเผชิญแตกต่างกัน เช่น หน่วยงานรับ
                    เรื่องร้องเรียน ที่มีแนวโน้มที่จะมีความเครียดมากกว่าหน่วยงานอื่น
                                 “กสม. มีการปรึกษากันว่าต้องมีกระบวนการที่ช่วยให้คนที่ทำงาน
                          เกี่ยวกับการรับเรื่องต้องมีพื้นที่ให้พูดคุยและผ่อนคลาย เพราะการรับฟังเรื่อง
                          ของคนที่เดือดร้อนที่มีมาทุกวันอาจจะไม่ใช่เรื่องของเงินทอง แต่มีเรื่องของการ
                          ถูกทำร้ายต่างๆ ทำให้คนที่รับเรื่องเหล่านี้รู้สึกหนักหนักว่าคนทั่วไป ดังนั้นจึงต้อง

                          หาวิธีการแก้ไขที่จะช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งนี่คือความท้าทายใน
                          สำนักงานเองเพื่อที่จะให้ทุกคนมีแรงทำงานร่วมกันต่อไป ถามว่า สองร้อยกว่า
                          คน ในแง่จำนวนก็ไม่พอเท่าไหร่นัก  ในเรื่องของงบประมาณที่ไม่เพียงพอ
                          เนื่องจากเป็นองค์กรอิสระที่รัฐบาลมีพันธะกรณีที่ต้องให้เงินงบประมาณมา
                          สนับสนุน บางครั้งองค์กรอิสระแสดงความคิดเห็นบางอย่างเกี่ยวกับรัฐบาล ทำ
                          ให้รัฐบาลไม่เต็มใจที่จะให้เงินสนับสนุน หรือให้เงินสนับสนุนเท่าที่มีความจำเป็น
                          เท่านั้นเมื่อเทียบกับหน่วยงานอื่น” (NKI003, 4 กุมภาพันธ์ 2565)

                          ความพยายามที่จะทำให้งานการปกป้องคุ้มครองผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เป็นปัญหามา
                    ยาวนานและถูกวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดว่า “ขั้นตอนมาก  ติดระบบการทำงานแบบราชการเกินไป
                    ล่าช้า และไม่ทันต่อเหตุการณ์” เป็นประเด็นที่ กสม. ชุดที่ 4 ตั้งเป้าหมายจะแก้ไขปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น
                    ในข้อจำกัดที่ตกผลึกร่วมกันภายในคณะกรรมการฯ และพยายามที่จะประสานฝ่ายสำนักงานฯ ร่วม
                    ขับเคลื่อนทำงานด้วยกัน ดังสะท้อนจาก กสม. 4 ว่า
                                 “ประสานความคุ้มครอง กระชับช่องทางเพื่อความรวดเร็ว โดยเฉพาะ
                            ในกรณีเร่งด่วน ที่สามารถให้คณะกรรมการกลั่นกรองซึ่งประกอบด้วยกสม.
                            และผู้บริหารพิจารณาเรื่องได้เลย” (NKI004, 3 กุมภาพันธ์ 2565)

                                 “(มีความ) พยายามปรับขั้นตอนการร้องเรียนให้สั้นและกระชับลง
                          และกระจายการตัดสินใจจาก กสม. ไปให้คณะกรรมการกลั่นกรองในบาง

                          เรื่อง เพื่อให้เกิดความรวดเร็วขึ้น จากแต่เดิมที่ต้องเอาเรื่องร้องเรียนมาเข้า
                          กสม. เพื่อพิจารณาว่ารับหรือไม่รับ รับไว้เพื่อประสานการคุ้มครอง รับไว้เพื่อ
                          ตรวจสอบ รับไว้เพื่อทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย หรือไม่รับ จะเห็นว่ากว่าเรื่องจะ
                          มาเข้า กสม.ใช้เวลา กสม.พิจารณาก็ใช้เวลา กว่าจะได้เริ่มเข้าพื้นที่ไปตรวจสอบ
                          อาจจะใช้เวลา 1-2 เดือน ของใหม่คือไม่ต้องเอามาเข้าที่ กสม. ให้มี
                          คณะกรรมการกลั่นกรองซึ่งประกอบด้วย กสม.บางส่วนและผู้บริหารที่จะคุยกัน
                          เลยและถ้าพิจารณาว่าตรวจสอบก็ไปตรวจสอบเลย ไม่ต้องเข้ามาอนุมัติที่ กสม.
                          7 คน แต่ถ้าเป็นกรณีที่เร่งด่วนมากก็ไม่ต้องเข้าคณะกรรมการกลั่นกรอง ให้



                                                            -124-
   125   126   127   128   129   130   131   132   133   134   135