Page 125 - รายงานฉบับสมบูรณ์ เหลียวหลังแลหน้า 2 ทศวรรษ สิทธิมนุษยชนในสังคมไทย
P. 125
หนึ่งในข้อเสนอสำคัญที่กสม.จะทำได้ดี ในฐานะกระบวนกร (facilitator) โดยเฉพาะในเรื่อง
การเปิดพื้นที่ด้านสิทธิมนุษยชนให้กับสังคม
“กสม.ควรมีบทบาทในการ cool down อุณหภูมิของสังคม ภารกิจขอ
งกสม.ควรมากกว่าการออกแถลงการณ์ ควรมีการจัดพื้นที่เพื่อช่วยให้สังคมมี
ทางออกต่อความขัดแย้งนั้น ๆ ” (สัมภาษณ์ KI005, 13 พฤศจิกายน 2564)
“ต้องให้กสม.เปิดพื้นที่ในการประชุมใหญ่ทุก ๆ ปี เพื่อที่จำให้ภาคประชา
สังคมได้สะท้อนว่าเรื่องเดือดร้อนของเขาคืออะไรและสะท้อนว่า กสม. ทำงาน
อย่างไร และไม่ว่ากสม.จะเปลี่ยนไปแบบไหนอย่างไร กิจกรรมนี้ต้องดำเนินทุกปี
ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ รัฐบาลหรือสถาบันไหนก็ตาม ประชาชนจะเป็นคน
รีวิวและสนับสนุนคุณ (กสม.) ว่าคุณ (กสม.) ควรค่ากับการดำรงอยู่” (สนทนา
กลุ่มภายนอก, 26 มกราคม 2565)
“...อยากให้กสม. เปิดพื้นที่อย่างจริงใจ รับฟังและโอบอุ้มเยาวชน
โดยเฉพาะนักเรียนที่ต่ำกว่า 18 ปั กสม.มีบทบาทอำนาจ อันนี้คือความจริงใจ
เล็ก ๆ น้อย ๆ แค่เปิดพื้นที่พูดคุย รับฟัง แล้วก็บันทึก คุณอาจจะไม่กล้าที่จะ
ยืนยันกับรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา คุณอาจจะไม่กล้าที่จะทำรายงานอะไรที่
เป็นข้อเสนอที่ท้าทาย แต่เราคิดว่าคุณเปิดห้องประชุมได้นะ ” (สนทนากลุ่ม
ภายนอก, 26 มกราคม 2565)
ข้อเสนอเรื่องรูปแบบการจัดเวทีสาธารณะนั้นไม่ใช่แค่การรับฟังความคิดเห็นเพียงอย่างเดียว
เท่านั้น แต่สามารถทำได้หลากหลายเพื่อสร้างให้สังคมเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชน วิธีนี้ยังทำให้เกิด
ความเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชนในสังคมด้วย
“national inquiry และ public hearing ขอเริ่มที่ว่าสถาบันสิทธิมี
หน้าที่หลักสามเรื่อง คือ ปกป้องคุ้มครอง ส่งเสริม และเฝ้าระวัง หลักของการไต่
สวนสาธารณะ คือ ไม่ได้หาคนผิดคนถูก แต่มัน จะเป็นปัญหาใหญ่เชิงโครงสร้าง
ประเด็นที่เห็นต่างกันมาก ๆ ถ้าจะทำ จำเป็นต้องมีเป้าหมายและ เตรียมการ ไม่ใช่
การไปฟังใครมาแล้วบอกว่านั่นเป็นข้อสรุปของกสม. … ถ้าเปิดเวทีแล้วใครก็ได้
มลงทะเบียนก็ไม่น่าจะเป็นการไต่สวนสาธารณะ อาจเป็นแค่การรับฟังความ
คิดเห็นซึ่งมันเบาบางกว่า การไต่สวนสาธารณะเป็นเครื่องมือใหญ่ในการจัดการ
กับปัญหาที่ยากและใหญ่ ไม่ต้องทำเยอะแต่ใช้ เวลาในการออกแบบ เตรียมทีม
และเลือกคนที่จะเข้าร่วม ” (สัมภาษณ์ KI022 วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565)
ในแง่หนึ่งการทำหน้าที่เป็นกระบวนกร (facilitator) ของกสม.นั้น เปรียบได้กับเสียงสะท้อน
จากวงสนทนากลุ่มภายนอกว่า กสม. ควรเป็นสะพาน ที่เชื่อมระหว่างบุคคล องค์กรต่าง ๆ เข้ากัน
ด้วยกัน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะแค่การเชื่อมเครือข่ายแต่เป็นการเชื่อมไปถึงรัฐ สังคม หรือองค์กรอื่น ๆ ด้วย
“บทบาทของท่าน คือ สะพานเชื่อมระหว่าง คนที่เป็น informal กับ formal เข้า
ด้วยกัน … บางทีเราก็อาจจะถนัดที่คุยกันเอง … แต่ในที่สุด เราต้องออกไปจากโลกที่เราไม่
ถนัด ต้องหาทางคุยร่วมกัน” (สนทนากลุ่มภายนอก, 26 มกราคม 2565)
-119-