Page 111 - รายงานฉบับสมบูรณ์ เหลียวหลังแลหน้า 2 ทศวรรษ สิทธิมนุษยชนในสังคมไทย
P. 111
“ผมเคยเสนอว่าให้ตั้งสำนักงานให้แยกส่วนแบ่งส่วนราชการ โดยการ
ดึง กลุ่มงานในทุกสำนักมารวมกัน … เพื่อให้เราสามารถตอบได้ว่า
ปัจจุบันเป้าหมายไหน การปกป้อง คุ้มครองสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ใน
ประเด็นนี้เราทำมันได้ดีหรือยัง เราขาดเรื่องอะไร ขาดการส่งเสริมเรื่องอะไร
ขาดการคุ้มครองเรื่องอะไร … มันอาจจะยาก ไม่ชินในตอนแรก เพราะเรา
จะต้อง แตกสำนักออกไปต้องแตกเพื่อนที่อยู่สำนักส่งเสริมด้วยกันแต่มันก็
แยกลาจากเพื่อสิ่งที่ดีกว่า ไม่ได้ไปในที่ทำงานอื่นแต่แค่ย้ายไปทำงานเพื่อให้
มันดีขึ้น โดยร่วมงานกับคนอื่น ๆ ที่ทำงานเรื่องคุ้มครองที่ ทำเฝ้าระวังและ
ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน” (สนทนากลุ่มภายใน, 27 มกราคม 2565)
“โครงสร้าง (ขององค์กร) เหมือนติดกระดุมผิดมาเม็ดแรก และผิด
มาเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นจริง ๆ แล้วสิ่งการจัดโครงสร้างใหม่แบบ issue
based จะรองรับการทำงานของกสม.ได้อย่างจริง ๆ มันก็พิสูจน์มาแล้วว่า
การทำงานตั้งแต่กสม.1 เราทำงานโดยมีเนื้อหาหลักอยู่บนประเด็น (issues)
เช่นประเด็นเด็ก ประเด็นสิทธิพลเมือง ประเด็นสิทธิสตรี หรือสิทธิทาง
เศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรม เรา ทำงานภายใต้ประเด็นมาตลอดแต่เราให้คน
ที่ช่วยทำงานในสำนักงานเป็น function มันเลยไม่สอดรับกัน คือมันไม่
สามารถสร้างตัวความเชี่ยวชาญและความต่อเนื่อง อย่างที่น้องบอกคือเป็น
จริง สนับสนุนความคิดนี้เลยแต่ว่าคิดว่ามันเปลี่ยนค่อนข้างยากมากเหมือน
การปฏิวัติ สำนักงานเลย” (สนทนากลุ่มภายใน, 27 มกราคม 2565)
นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอเรื่องการสร้างความเข้มแข็งในการทำงานจากภายในที่จะต้องอาศัย
ผู้บริหารของสำนักงานฯ ไม่น้อยไปกว่าบอร์ดหรือกสม. รวมทั้งการจัดลำดับความสำคัญของงานต่อ
ประเด็นที่องค์กรจะขับเคลื่อนและส่งผลสะเทือนต่อสังคมด้วย และในขณะเดียวกันก็สามารถ
สนับสนุนความเชี่ยวชาญของการพัฒนาทรัพยากรบุคคลได้อีกด้วย ดังบทสะท้อน
“หน่วยที่รองรับบอร์ดกรรมการสิทธิ (จะต้อง) เป็นหน่วยต้อง
เข้มแข็ง ชัดเจน ในการกำหนดทิศทาง กลับเป็นหน่วยที่มีความอ่อนแอกว่า
เนื่องจากผู้กำหนดนโยบายด้านบนอาจจะเสียงดังกว่าในฐานะที่เป็นบอร์ด
ขณะเดียวกันสำนักงานที่มีหัวเป็นเลขาธิการก็ไม่ได้สามารถกำหนดทิศทาง
หรือเป้าหมายระยะสั้น ยาว ได้ว่าตัวเองควรเดินไปทางไหนและเล่นใน
บทบาทอะไร เรื่องไหนที่สะท้อน ตัวเองให้ได้ (ดังนั้น) ไม่มีแม้แต่แผน
ยุทธศาสตร์ก็จะไม่สามารถกำหนดการทำงานร่วมกันได้ เช่น … แผนแม่บท
ที่ใช้ล่าสุดที่กำลังจะหมดในปี 2565 ยังไม่สามารถประเมินได้เลยว่าจริง ๆ
วันนี้เราเดินมาถูกทางหรือยัง เราสามารถขับเคลื่อนองค์กรไปพร้อม ๆ กัน
ได้จริงหรือไม่ มันสามารถส่งมอบผลได้ดีแค่ไหน ตรงนี้เป็นข้อจำกัดสำคัญที่
ทำให้หน่วยงานในลักษณะเช่นนี้ไม่สามารถเคลื่อนไปด้วยกัน เป้าหมายไปใน
ทิศทางเดียวกัน คนที่จะชี้นำว่าเราจะไปในทิศนี้จุดมุ่งหมายเราต้องการจะ
เป็นอะไร เป็นองค์กรลักษณะไหน องค์กรที่สามารถจะไปตอบชาวโลกได้ว่า
เราสามารถจะทำงานปกป้องสิทธิให้กับประชาชนมากแค่ไหน ตรงนี้ยังไม่
ค่อยเห็นภาพเท่าไหร่” (สนทนากลุ่มภายใน, 27 มกราคม 2565)
-104-