Page 108 - รายงานฉบับสมบูรณ์ เหลียวหลังแลหน้า 2 ทศวรรษ สิทธิมนุษยชนในสังคมไทย
P. 108
มองเห็นปัญหาและเจตนารมณ์ที่ดีต่อการยกระดับสำนักงานฯ ให้เป็นหน่วยสนับสนุนที่มี
ประสิทธิภาพในการทำงานปกป้องคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในสังคมไทย โดยจัดแบ่ง
ประเภทเสียงสะท้อนดังกล่าวออกเป็น 5 ด้าน ได้แก่
โครงการสร้างองค์กร
โครงสร้างพื้นฐานหรือตำแหน่งแห่งที่ของสำนักงานฯ ในยุคก่อตั้งนั้นมีความไม่แน่นอนและ
ผ่านการถกเถียงมากพอสมควร เพื่อให้สำนักงานฯ อยู่ภายใต้หลักการความเป็นอิสระเหมือนกับ
คณะกรรมการ มีผู้ให้สัมภาษณ์คนหนึ่งให้ข้อมูลว่า
“เข้าใจว่าช่วงนั้นมีพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ตอนนั้นมีอาจารย์
จากคณะนิติศาสตร์ท่านหนึ่งที่ทำงานเป็นฝ่ายกฎหมายของพรรค
ประชาธิปัตย์ได้เสนอให้สำนักงานฯ ไปอยู่ในสำนักนายกฯ ซึ่งภาคประชา
สังคมก็ไม่ยอม อยากให้เป็นอิสระ พี่ได้ทำหนังสือถึงนายกฯ ชวนผ่าน
รัฐมนตรีต่างประเทศในขณะนั้นเพื่อบอกว่า กสม. ต้องมีความเป็นอิสระและ
ต้องไม่อยู่ใต้ร่มของรัฐบาล… แต่ในท้ายที่สุดมาตกอยู่ที่การให้ข้าราชการที่
กสม.เป็นข้าราชการสังกัดรัฐสภา และให้สนง.เลขาธิการวุฒิสภามาเป็นฝ่าย
เลขานุการเริ่มแรกให้ กสม.มาจัดการเรื่องที่ทำงานและระบบงานต่างๆ” (
สัมภาษณ์ IKI001, 7 กุมภาพันธ์ 2565)
ซึ่งสอดคล้องกับผู้ให้สัมภาษณ์อีกคนหนึ่งและยังอธิบายเสริมประเด็นวุฒิสภาด้วยว่า
“ผู้มีอำนาจรักษาการตามพรบ. 2542 ในตอนแรกถูกเสนอให้เป็น
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ซึ่งเราแย้งไปว่าไม่ได้ จำได้ว่าเราไปทำเนียบ
รัฐบาลทะเลาะกันกับตัวแทนรัฐบาลที่เป็นรองนายกฯ ท่านหนึ่ง จึงได้เปลี่ยน
มาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม เราก็บอกอีกว่าไม่ได้ องค์กรนี้ต้องเป็น
อิสระจะให้รัฐมนตรีมาเป็นได้อย่างไร และตัวสำนักงานก็ไปขึ้นอยู่กับ
กระทรวงไม่ได้ เจรจากันนานจนกระทั่งเขาบอกให้สำนักงานขึ้นอยู่กับ
วุฒิสภาสังเกตว่าตัวสำนักงานนั้นขึ้นกับวุฒิสภา ซึ่งเรายอมรับเพราะ
วุฒิสมาชิกในขณะนั้นมาจากการเลือกตั้ง หลังจากนั้นไม่มีวุฒิสภาจากการ
เลือกตั้งอีกเลย จึงกลายเป็นความผิดพลาดที่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้” (KI012,
16 พฤศจิกายน 2564)
โครงสร้างถือเป็นแกนกลางและแก่นสำคัญที่จะมีผลต่อความเป็นไปขององค์กรเป็นอย่างยิ่ง
มีการออกแบบโครงสร้างอย่างไร ผลลัพธ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นย่อมเป็นเช่นนั้น มีผู้ให้ข้อมูลท่านหนึ่ง
ชี้ให้เห็นว่ากระบวนทัศน์หรือทัศนคติต่อการมองสำนักงานฯ นั้น ไม่ควรจำกัดอยู่เพียงแค่การให้
ความสำคัญว่าผู้ปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานมีอยู่เพื่อสนับสนุนการทำงานของกสม.ในแต่ละชุดเท่านั้น
แต่ยังทำหน้าที่เป็น “หน่วยความจำ” (memory bank) ที่สำคัญขององค์กรด้วยเช่นกัน (สัมภาษณ์
KI011, 18 พฤศจิกายน 2564) ซึ่งเมื่อหน่วยความจำขององค์กรแข็งแรง โครงสร้างหลักของ
องค์กรก็จะแข็งแรงตามไปด้วย ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับความคิดเห็นที่กล่าวว่า “ถางหญ้าไป
หน้าแต่หลังรก” (สนทนากลุ่มภายใน, 27 มกราคม 2565) ความคิดเห็นในลักษณะนี้คือหนึ่งใน
ปัญหาโครงสร้างขององค์กรที่ถูกสะท้อนมากที่สุดกล่าวคือคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่
ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาทำงานตามวาระนั้นเปรียบเสมือนบอร์ดบริหารที่เข้ามาแล้วก็จากไป โดยแต่ละ
ชุดจะมีสไตล์การทำงานที่แตกต่างกัน จึงอาจกล่าวได้ว่า 24 ปีที่ผ่านมาของสำนักงานฯ กับ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนจำนวน 4 ชุดนั้น สำนักงานฯ จะเป็นผู้ตั้งรับและปรับตัวให้ทันกับสไตล์
-101-