Page 105 - รายงานฉบับสมบูรณ์ เหลียวหลังแลหน้า 2 ทศวรรษ สิทธิมนุษยชนในสังคมไทย
P. 105
เสียงหนึ่งสะท้อนว่า สังคมไทยมีความก้าวหน้าด้านสิทธิมนุษยชน มากกว่า กสม.
“พี่คิดว่าในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมาในยุคของคสช.มีความชัดเจนที่ชัดเจน
ที่สุดคือสังคมไทยเคลื่อนไปไกลกว่ากสม.ในเรื่องสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะ
คนรุ่นใหม่ที่ไปไกลกว่าพี่ด้วยซ้ำไป เพราะโลกใบนี้มันไม่ใช่แค่โลกในหนังสือ
อีกต่อไปแล้ว ระบบโลกมันเป็นอินเทอร์เน็ตที่ทุกคนเข้าถึงข้อมูลในระดับ
สากล และคนรุ่นใหม่ที่เข้าถึงภาษา อย่างพี่ที่มีข้อจำกัดทางภาษาอังกฤษ
แต่คนรุ่นใหม่ได้ และเขาได้เรียนรู้โลกที่มากกว่าประเทศไทย และหลักการ
สิทธิมนุษยชนมันเป็นหลักการระดับโลกและเป็นหลักการพื้นฐานที่เราจะอยู่
ร่วมกันบนโลกใบนี้อย่างสันติ เป็นสุข และมีความหมาย ไม่มีใครมาละเมิด
เรา” ( สัมภาษณ์ KI009,21 พฤศจิกายน 2564)
“ควรดำรงอยู่หรือไม่” คำถามสะท้อนวิกฤตศรัทธาต่อ กสม.
“ถ้าเราไม่มีแล้วเราเสียอะไรหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ไม่เสีย เพราะทุกวันนี้
ประชาชนก็ไม่ได้ แทนที่จะให้งบปีละเป็นสิบล้านบาท ให้กรรมการ
สิทธิเราเอางบนั้นไปให้คนอื่นทำดีกว่า หรือไม่ ถ้ามีแล้วพึ่งพาไม่ได้”
(สัมภาษณ์ KI012, 16 พฤศจิกายน 2564)
เสียงสะท้อนหนึ่งเกิดความรู้สึกว่ากสม. ไม่ควรมีอยู่นั้น สำหรับเขา ได้เริ่มตั้งคำถามนี้เป็น
ครั้งแรกในปี 2553 ในยุคที่การเมืองแบ่งขั้วอย่างรุนแรงในประเทศไทย แต่กลับไม่เห็นบทบาทของ
กสม.
“ตอนปี 2553 ครับ ผมอยากเข้าไปอ่านเอกสารที่เขาจัดลำดับหรือ
ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชนว่าเป็นอย่างไร เพราะในปี 2553 เป็นปีที่เกิด
คำถามว่าสิทธิมนุษยชนในความเข้าใจของคนที่เป็น กสม. ตอนนั้นเป็น
อย่างไร เพราะการใช้กำลังของรัฐกับคนเสื้อแดง กลายเป็นเรื่อง กสม. ไม่
พูดถึงหรือพยายามเลี่ยงที่จะพูดถึงอย่างชัดเจน มันสะท้อนวิธีคิดเรื่องสิทธิ
มนุษยชนของคนทำงานด้านสิทธิมนุษยชน ตั้งแต่ปี 2553 ทำให้รู้สึกว่าเป็น
องค์กรที่ไม่สามารถช่วยหรือเป็นประโยชน์กับการพิทักษ์สิทธิมนุษยชนมาก
เท่าไร สิทธิมนุษยชนควรเป็นประเด็นที่เข้าไปถึงใจความสำคัญ เช่น การใช้
ความรุนแรงของรัฐกับประชาชน นี่คือหัวใจสำคัญ เพราะฉะนั้น กสม. ต้อง
ให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้เป็นลำดับต้นๆ” (สัมภาษณ์KI013, 30
พฤศจิกายน 2564)
อย่างไรก็ตาม การอภิปรายเรื่องการมีอยู่ของกสม.นั้น พบว่าหลายเสียงออกมาในลักษณะ
“มีดีกว่าไม่มี” หรือจากคำถามในวงสนทนากลุ่มคนนอกยังยืนยันถึงการมีอยู่ของกสม.มากกว่าการ
“ยุบ” โดยให้เหตุผลว่าอย่างน้อยมีอยู่ในฐานะคานของอำนาจ เสียงสะท้อนการมีอยู่ของกสม. ที่มา
พร้อมกับความคาดหวังการทำหน้าที่ทำตามหลักการปารีส โดยเฉพาะเรื่องการทำหน้าที่คุ้มครอง
ปกป้อง และความเป็นอิสระภายใต้รัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตยนัก
-98-