Page 102 - รายงานฉบับสมบูรณ์ เหลียวหลังแลหน้า 2 ทศวรรษ สิทธิมนุษยชนในสังคมไทย
P. 102

“ผมมองในมุมของการสื่อสาร รูปแบบของการนำเสนอข้อมูล การให้
                                 ความรู้ใน Social Media ของกสม.ยังมีน้อยมาก การออกแถลงการณ์ บาง
                                 ทีคนรุ่นใหม่อาจจะไม่อินกับแถลงการณ์ที่เป็นทางการ การสื่อสารแบบไหน
                                 การทำเนื้อหา (content ) เป็นภาพ 2 ภาพ เอา ข้อสรุปง่าย ๆ มาวางไว้
                                 อาจจะโพสต์แถลงการณ์เต็ม ๆ 1 ฉบับ แต่ฉบับที่อ่านง่าย เข้าใจง่าย สั้น ๆ
                                 ก็ควรจะมี” (สนทนากลุ่มภายนอก, 26 มกราคม 2565 )

                           เรื่องเล่าจากกระบวนการสรรหา
                           นอกจากคำถามสำคัญถึงที่มาของกรรมการสรรหาจากรัฐธรรมนูญจำนวน 3 ฉบับ คำถาม
                    จากคณะกรรมการสรรหาแต่ละชุด มีความน่าสนใจ คำถามแสดงถึงความเข้าใจของเรื่องสิทธิ
                    มนุษยชนในสังคม ตั้งแต่กระบวนการในชุดที่ 1 เป็นต้นมา ดังเสียงสะท้อน

                           คำถามจากกระบวนการสรรหาในชุดที่ 1
                                        “เราต้องผ่านกระบวนการสรรหาที่จะเจอคำถามแบบมหัศจรรย์กัน
                                 ทุกคน คำถามที่ เจอจะแตกต่างกันไปในแต่ละประสบการณ์ของแต่ละคน
                                 อย่างคุณอาภร วงษ์สังข์ … แกมีสามีแต่สามีเสียชีวิตไปแล้ว แกเลี้ยงลูกคน
                                 เดียว เป็นแม่ค้า และเป็นผู้นำสมัชชาคนจน แก  บอกว่าตอนแกไปสมัครแก
                                 เขียนชื่อว่า นางสาวอาภร วงษ์สังข์ มีลูก 4 คน เป็นหม้าย ตอนนั้นคนที่เป็น
                                 ประธานสรรหาคือ คุณอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกฯ” ได้ถามคุณอาภรว่า
                                 คุณเป็น นางสาวแล้วก็เป็นหม้าย ตกลงคุณจะเป็นอะไรกันแน่ เพราะว่าตอน
                                 นั้นเนี่ยกฎหมายไทยยังไม่ได้แก้ไขเรื่องนางสาวหรือนาง ผู้หญิงแต่งงานแล้ว
                                 ต้องใช้นามสกุลสามี ตอนนั้นยังใช้กฎหมายเดิมอยู่ แล้วคุณอาภรตอบแบบ
                                 มั่นใจแบบที่เขาไม่ได้รู้สึกกังวลเลยว่า “ก็ผัวฉันตาย คุณจะให้ฉันเป็นอะไร
                                 แล้วก็ยังเป็นนางสาวอยู่เนี่ย เพราะว่าจริงๆ ฉันก็อายุเยอะนะ จะ 60
                                  แล้ว แก่อย่างนี้ไปโรงพยาบาลเขาก็เรียกนางสาวอาภร ฉันก็ไม่อยากเป็น
                                 นางสาวหรอกนะ ฉันอยากเป็นนาง เป็นนางสาวและลุกขึ้นเดินแก่มาก็อาย
                                 เขาเหมือนกัน แต่ว่าฉันไปอำเภอไปบอกว่าขอเป็นนางนะ เขาบอกว่าคนจะ
                                 เป็นนางได้ต้องมีผัวแล้วก็จดทะเบียนกับผัวเท่านั้นแล้วทีนี้ผัวฉันตาย จะเอา
                                 ผัวที่ไหนมาจด เขาก็ไม่ยอมให้ฉันเป็นนางให้ฉันเป็นนางสาวอยู่อย่างนี้ ฉันไม่
                                 เป็นนางสาวแล้วจะเป็นอะไรหล่ะ” (สัมภาษณ์KI003, 14 พฤศจิกายน
                                 2564)

                                        “เขา (กรรมการ) ถามว่าเคยไปดูงานสิทธิมนุษยชนที่อเมริกามา
                                 (จึงมีคำถามว่า) เห็นว่างานสิทธิมนุษยชนในอเมริกากับประเทศไทยต่างกัน
                                 อย่างไร รู้สึกว่าพรรคฝ่ายค้าน  จะเป็นคนถาม เราตอบไปว่า ในวิชาชีพ
                                 ทนายความจะเห็นชัดเจนว่าคนที่ทำวิชาชีพนักกฎหมายในอเมริกาเขาจะต้อง
                                 ระมัดระวังมากและมีความละเอียดอ่อน และหากว่าเราไม่ละเอียดอ่อนใน
                                 เรื่อง Gender เราอาจจะไม่มีโอกาสทำงานในอาชีพนี้อีกเลย แต่สำหรับ
                                  ประเทศไทย (เรื่องนี้) ถูกทำให้เป็นเรื่องเล็กน้อย
                                        ยกตัวอย่าง ตอนที่เราเข้าไปในเรือนจำทำคดีปล้นฆ่าที่สุราษฎร์ธานี
                                 แล้วผู้บัญชาการเรือนจำบอกว่า ที่สุราษฎร์ธานี ไม่มีทนายความผู้หญิงเลย
                                 ไม่เคยเห็นผู้หญิงเป็นทนายเลย เพิ่งเคยเห็นผู้หญิงเป็นทนายความมาที่


                                                           -95-
   97   98   99   100   101   102   103   104   105   106   107