Page 172 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ สิทธิชุมชนในการจัดสรรทรัพยากรน้ำโดยใช้แนวทางสันติวิธี : กรณีศึกษาพื้นที่ต้นน้ำของประเทศไทย
P. 172

155


                       เมื่อถึงฤดูฝนจะมีน้้าหลากท้าให้บางพื้นที่เกิดน้้าท่วมขังสร้างความเสียหายต่อพื้นที่เพาะปลูกหรือที่อยู่

                       อาศัย ส่วนการใช้น้้าเพื่อการอุปโภคในครัวเรือนได้จากน้้าประปาที่มีแหล่งน้้าดิบจากบ่อบาดาล

                       น้้าประปาที่ผลิตบางครั้งมีปัญหาด้านคุณภาพคือสีขุ่นหรือสีสนิม แต่เพื่ออ้านวยความสะดวกต่อการ
                       บริหารจัดการแหล่งน้้าดิบส้าหรับผลิตน้้าประปา ยังคงใช้น้้าใต้ดินเพื่อการผลิต นอกจากนี้ ชุมชนลุ่มน้้า

                       น่านยังไม่พบความขัดแย้งจากการใช้ทรัพยากรน้้าทั้งในภาคเกษตรกรรมและการใช้น้้าในครัวเรือน

                       แต่เพื่อให้มีน้้าอย่างเพียงพอ รวมถึงลดความเสียหายจากการท่วมขังของน้้า การเพิ่มศักยภาพการ
                       กักเก็บน้้าของอ่างเก็บน้้าที่มีอยู่ในชุมชนอาจเป็นแนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าว รวมถึงการสร้างเขื่อน

                       ป้องกันตลิ่งพังหรือคันชะลอการไหลของน้้าในฤดูฝน ขณะเดียวกัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ

                       และเอกชน หรือภาคประชาชนเองได้เข้ามามีบทบาทการอนุรักษ์ทรัพยากรน้้า เช่น การจัดท้าฝายต้นน้้า
                       ล้าธารเพื่อชะลอการไหลของน้้า ช่วยลดการพังทลายของดิน หรือการฟื้นฟูประเพณีท้องถิ่นคือการ

                       เลี้ยงผีฝาย เพื่อสร้างขวัญก้าลังใจก่อนการท้าการเกษตร หรือเพื่อให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล นอกจากนี้
                       ยังอยู่ระหว่างการรวม “กลุ่มผู้ใช้น้้าน่านและว้า” เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรน้้าและป่าไม้ด้วยเล็งเห็น

                       ว่าเป็นเขตพื้นที่ต้นน้้าของแม่น้้าน่าน สิ่งส้าคัญคือชุมชนยังต้องการความช่วยเหลือด้านงบประมาณ

                       สนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรน้้าทั้งจากภาครัฐหรือภาคเอกชน
                              เมื่อเปรียบเทียบการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้้าและบริบทอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องระหว่างพื้นที่

                       ลุ่มน้้าชีกับพื้นที่ลุ่มน้้าน่านพบว่า ทั้งสองพื้นที่มีการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้้าส่วนใหญ่เพื่อการเกษตร

                       โดยเกษตรกรมีอิสระในการใช้น้้า หากการใช้ประโยชน์จากทั้งสองลุ่มน้้ายังประสบปัญหาขาดแคลนน้้า
                       ในฤดูแล้งและประสบปัญหาตลิ่งพังทลายในฤดูฝนที่มีน้้าหลาก หรือปัญหาน้้าท่วมขังในกรณีของ

                       จังหวัดน่าน การแก้ไขปัญหาดังกล่าวจึงควรเพิ่มศักยภาพหรือเพิ่มพื้นที่รองรับน้้าเพื่อเก็บน้้าส้าหรับใช้

                       ประโยชน์ในฤดูแล้งหรือลดปัญหาน้้าท่วมขังในฤดูฝน ประการส้าคัญคือยังไม่พบความขัดแย้งที่เกิดกับ
                       การใช้ทรัพยากรน้้าทั้งสองลุ่มน้้า ทั้งพบว่ามีการน้าประเพณีความเชื่อท้องถิ่นเข้ามาขับเคลื่อนการ

                       อนุรักษ์ทรัพยากรน้้าด้วย สิ่งนี้สอดคล้องกับการอนุรักษ์ทรัพยากรน้้าในเขตลุ่มน้้าแม่ทาที่ใช้การเลี้ยง

                       ผีขุนน้้าและการซ่อมฝาย รองเหมืองฝาย (ศูนย์วนศาสตร์ชุมชนเพื่อคนกับป่า – ประเทศไทย, 2557)
                       หรือประเพณีการแห่ช้างเผือกเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรน้้าในเขตพื้นที่ลุ่มน้้าลี้ (พัลลภ หารุค้าจา

                       และคณะ, 2561; สามารถ ใจเตี้ย, 2560) เป็นต้น


                              6.1.3 ข้อมูลผลการศึกษาจากเวทีรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

                              ข้อมูลการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและผู้เชี่ยวชาญ/ผู้ทรงคุณวุฒิที่มี

                       ประสบการณ์เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้้า สามารถสรุปประเด็นที่ส้าคัญได้ดังนี้
   167   168   169   170   171   172   173   174   175   176   177