Page 174 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ สิทธิชุมชนในการจัดสรรทรัพยากรน้ำโดยใช้แนวทางสันติวิธี : กรณีศึกษาพื้นที่ต้นน้ำของประเทศไทย
P. 174
157
ทิ้งขยะ สิ่งปฏิกูลสู่แหล่งน้้าธรรมชาติ และ (5) ข้อกังวลจากหน่วยงานรัฐในระยะเวลาอันใกล้คือการ
ประกาศใช้พระราชบัญญัติทรัพยากรน้้า ปี พ.ศ. 2561 อาจส่งผลให้กฎ ระเบียบ หรือข้อบังคับต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการใช้น้้าเปลี่ยนแปลงไป
จากข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ถึงแม้พื้นที่ต้นน้้าทั้งสองลุ่มน้้าจะมีความส้าคัญในฐานะการเป็น
แหล่งก้าเนิดแม่น้้าทั้งสองสาย แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับทรัพยากรน้้ายังคงมีอยู่ซึ่งการด้าเนินการแก้ไข
ปัญหาเหล่านั้นมีความจ้าเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลที่จะเกิดขึ้น ขณะเดียวกัน
การใช้ประโยชน์จากลุ่มน้้าทั้งสองยังเกิดขึ้นทั้งในเขตกลางน้้าและปลายน้้าด้วย ดังนั้น การบริหาร
จัดการน้้าแบบองค์รวมเพื่อความยั่งยืนแก่ทรัพยากรน้้าจึงควรพิจารณาด้าเนินการในรูปแบบของ
เครือข่ายลุ่มน้้า โดยหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องและคนที่ใช้น้้าตลอดทั้งลุ่มน้้า อันได้แก่ คนต้นน้้า
กลางน้้า และปลายน้้า ควรร่วมมือกันบริหารจัดการลุ่มน้้าให้เกิดการใช้ประโยชน์จากน้้าอย่างเท่าเทียมกัน
ตลอดจนการอนุรักษ์ทรัพยากรน้้าซึ่งมีส่วนช่วยลดปัญหาหรือลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้
ทรัพยากรน้้าในอนาคต
6.2 วิเคราะห์ผลการศึกษาจากแนวคิดสู่การปฏิบัติในพื นที่
6.2.1 กฏหมายเป็นเครื่องมือขั นต้นในการส่งเสริมสิทธิของชุมชนต่อการบริหารจัดการ
ทรัพยากรน าตามแนวทาง “สันติวิธี”
ในระดับนโยบายประเทศไทยได้ให้โอกาสชุมชนเข้ามามีบทบาทในการจัดการทรัพยากรน้้าซึ่ง
ถือเป็นทรัพยากรที่มีความส้าคัญต่อการด้าเนินชีวิต การประกอบอาชีพ และการด้าเนินกิจกรรมต่าง ๆ
ภายใต้การรับรอง “สิทธิชุมชน” ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ในการ
จัดการ บ้ารุงรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (มาตรา 43) ประกอบกับ
การขับเคลื่อนสิทธิดังกล่าวผ่านแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้้า 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580)
ที่ให้ความส้าคัญต่อชุมชนในการบริหารจัดการทรัพยากรน้้า และการอนุรักษ์ฟื้นฟูสภาพป่าต้นน้้าที่
เสื่อมโทรมและป้องกันการพังทลายของดิน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขตพื้นที่ต้นน้้ามีความส้าคัญต่อ
ทรัพยากรน้้า เพราะเป็นแหล่งก้าเนิดน้้าและส่งผ่านน้้าแล้วรวมตัวกันเป็นล้าธาร แม่น้้า ล้าคลอง ฯลฯ
ประการส้าคัญคือการประกาศใช้พระราชบัญญัติทรัพยากรน้้า พ.ศ. 2561 นับเป็นความก้าวหน้าครั้ง
ส้าคัญในการบริหารทรัพยากรน้้าในเชิงบูรณาการให้มีทิศทางสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของบริบท
สังคมได้อย่างรวดเร็ว ลดความซ้้าซ้อนด้านงบประมาณ แผนการด้าเนินงานที่เกี่ยวข้องกับน้้า และยัง
ช่วยประสานข้อมูลหน่วยงานรัฐให้คล่องตัวขึ้นทั้งภาวะปกติหรือวิกฤตต่าง ๆ อันก่อให้เกิดระบบข้อมูล
ทางน้้าที่มีความชัดเจน สามารถน้ามาใช้รับมือภัยพิบัติทางน้้าได้อย่างเป็นระบบและเกิดประสิทธิภาพ