Page 170 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ สิทธิชุมชนในการจัดสรรทรัพยากรน้ำโดยใช้แนวทางสันติวิธี : กรณีศึกษาพื้นที่ต้นน้ำของประเทศไทย
P. 170

153


                       ทรัพยากรน้้าผ่านการด้าเนินกิจกรรม/โครงการต่าง ๆ ที่รัฐให้การสนับสนุน สอดคล้องกับ

                       ความสัมพันธ์ระหว่างความพึงพอใจของผู้ตอบแบบสอบถามต่อหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องหรือมีบทบาทใน

                       การจัดสรรทรัพยากรน้้าต่อ (1) ความรู้เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและสิทธิการใช้น้้า (2) สิทธิในการใช้น้้าใน
                       ชีวิตประจ้าวัน และ (3) การบริหารจัดการแหล่งน้้าสาธารณะ/ธรรมชาติ

                              เช่นเดียวกับข้อมูลจากลุ่มน้้าน่าน จังหวัดน่าน บ่งชี้ว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่อยู่ในภาค

                       เกษตรกรรมโดยอาศัยอยู่ใกล้กับแหล่งน้้า และมีการใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตรกรรมแต่ยังไม่เพียงพอ
                       ต่อความต้องการของเกษตรกร ส่งผลให้ต้องใช้น้้าจากบ่อน้้าในไร่นาหรือน้้าบาดาลเป็นส่วนใหญ่

                       ขณะที่น้้าดื่มเพื่อการบริโภคได้จากการซื้อน้้าขวด แม่น้้าน่านยังมีคุณภาพน้้าดีจึงอาจท้าให้การร่วม

                       กิจกรรมแก้ปัญหาน้้าเสียน้อย แต่เพื่อเป็นการอนุรักษ์ลุ่มน้้าจะเคารพและปฏิบัติตามกฎระเบียบของ
                       ชุมชนต่อการใช้แหล่งน้้าสาธารณะและได้รับข้อมูลข่าวสารด้านน้้าจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง

                       นอกจากนี้พบว่าการมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดท้าฝายชะลอน้้า การเข้าร่วมกิจกรรมช่วยเหลือภัยแล้ง
                       รวมถึงปฏิบัติตามความเชื่อและประเพณีเกี่ยวกับแหล่งน้้า เหล่านี้ได้แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมในการ

                       อนุรักษ์ทรัพยากรน้้าในลุ่มน้้าน่าน อย่างไรก็ตาม ได้พบปัญหาการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้้า เช่น

                       ขาดแคลนน้้าในการท้าการเกษตร น้้าท่วมชุมชนและพื้นที่เกษตร ส่วนใหญ่ในทุกปีหรือเคยเป็นบางปี
                       แต่ยังไม่เกิดปัญหาความขัดแย้งด้านการใช้น้้า ส่วนใหญ่จึงไม่พบการร้องเรียนเรื่องการจัดการน้้ากับ

                       หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีความพึงพอใจต่อการจัดสรรทรัพยากรน้้าในปัจจุบัน แต่หาก

                       มีความขัดแย้งเกิดขึ้นการแต่งตั้งตัวแทนชุมชนไปเจรจาเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวซึ่งหากไม่
                       สามารถแก้ไขความขัดแย้งได้ อาจให้ผู้น้าชุมชนที่เป็นทางการ เช่น ก้านัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้ามาช่วย

                       คลี่คลายความขัดแย้ง ทั้งนี้ ชุมชนกับหน่วยงานด้านการจัดการทรัพยากรน้้ามีความสัมพันธ์ที่ดี

                       ระหว่างกัน ดังเห็นได้จากการเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกรณีมีโครงการเกี่ยวกับการจัดการแหล่งน้้า
                       สาธารณะผ่านการประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานรัฐ สอดคล้องกับความสัมพันธ์ระหว่างความพึงพอใจ

                       ของผู้ตอบแบบสอบถามต่อหน่วยงานรัฐที่มีบทบาทในการจัดสรรทรัพยากรน้้าต่อ (1) ความรู้เกี่ยวกับ

                       สิทธิมนุษยชนและสิทธิการใช้น้้า (2) สิทธิในการใช้น้้าในชีวิตประจ้าวัน และ (3) การบริหารจัดการ
                       แหล่งน้้าสาธารณะ/ธรรมชาติ

                              เมื่อเปรียบเทียบการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้้าและบริบทอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องระหว่างลุ่มน้้าชี

                       และลุ่มน้้าน่านพบว่า ส่วนใหญ่ทั้งสองลุ่มน้้าใช้น้้าเพื่อการเกษตรกรรมแต่ยังไม่เพียงพอตลอดทั้งปี
                       จึงส่งผลให้ต้องใช้น้้าส้ารองจากแหล่งอื่น เช่น บ่อน้้าในไร่นา หรือบ่อบาดาล โดยเฉพาะผู้ที่อยู่อาศัยใน

                       เขตลุ่มน้้าชี ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรน้้าพบว่า ผู้อาศัยในเขตลุ่มน้้าน่านมีบทบาทต่อการอนุรักษ์

                       ทรัพยากรน้้าผ่านการร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่ภาครัฐหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจัดขึ้น เช่น การสร้างฝายชะลอน้้า
                       หรือความเชื่อและประเพณีเกี่ยวกับแหล่งน้้ามากกว่าผู้ที่อยู่อาศัยในเขตลุ่มน้้าชี อาจเนื่องมาจาก
   165   166   167   168   169   170   171   172   173   174   175