Page 166 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ สิทธิชุมชนในการจัดสรรทรัพยากรน้ำโดยใช้แนวทางสันติวิธี : กรณีศึกษาพื้นที่ต้นน้ำของประเทศไทย
P. 166

149



                       เกี่ยวกับการอนุรักษ์น้้า สัตว์น้้า และรักษาคุณภาพดินแก่ชุมชน รวมทั้งการอนุรักษ์พันธุ์ปลาเพื่อความ
                       มั่นคงทางด้านอาหารและอาชีพ

                              - ปัญหาการมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารจัดการน้้า ชุมชนมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา

                       การจัดการเรื่องน้้าและป่าในชุมชนน้อย ตัวแทนชุมชนได้เสนอเรื่องเข้าไปในแผนของท้องถิ่น
                       แต่ประชาชนได้รับการยอมรับน้อยมาก และไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจด้านการบริหารจัดการน้้า

                       เช่น การจัดการน้้าในกว๊านพะเยา พบว่า  ร้อยละ 70 ที่ได้มีการน้าน้้าไปใช้ น้าไปท้าเป็นน้้าประปาซึ่ง

                       ท้าให้เกิดเป็นประเด็นขัดแย้งระหว่างชาวบ้านและสถาบันการศึกษา (มหาวิทยาลัยพะเยา)
                              - ปัญหาเรื่ององค์ความรู้และสิทธิชุมชนถูกละเลย เช่น โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษโดยกลุ่ม

                       นักการเมืองซึ่งมีอิทธิพลในพื้นที่ที่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ใช้น้้าในลุ่มน้้าอิง อีกทั้งหน่วยงานของภาครัฐ

                       ไม่ได้มีการบูรณาการหรือท้างานร่วมกัน


                              5.3.3 ข้อเสนอแนะในการบริหารจัดการทรัพยากรน  า

                              - สร้างแหล่งกักเก็บน้้า
                                 1)  แหล่งกักเก็บน้้าเพื่อเก็บน้้าช่วงน้้าหลากไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งหรือยามขาดแคลน เช่น

                       ฝายแก้มลิง และเพื่อช่วยไม่ให้เกิดน้้าไหลหลาก ตลิ่งพัง กัดเซาะหน้าดินของพื้นที่ท้าการเกษตร

                       และส่งเสริมให้มีภาชนะส้าหรับเก็บน้้าฝนในครัวเรือนหรือน้้าที่หน่วยงานภาครัฐจัดสรรช่วยเหลือ
                       เพื่อเก็บน้้าไว้ใช้ อีกทั้งการท้าบ่อใต้ดินเพื่อเก็บน้้าฝนในช่วงฤดูฝน เพื่อลดการขาดแคลนน้้าในฤดูแล้ง

                       ของผู้ใช้น้้ารายย่อย และสนับสนุนให้มีการขุดบ่อในแปลงนาเพื่อเก็บน้้าไว้ใช้ แต่ปัจจุบันชาวบ้านจะมี

                       พื้นที่ในการขุดบ่อค่อนข้างน้อยเพราะที่นาส่วนใหญ่เป็นที่นาที่ได้รับจากการแบ่งมรดก กรรมสิทธิ์ใน
                       การถือครองที่ดินจึงลดน้อยลง

                                 2)  ธรรมชาติของแหล่งน้้าในพื้นที่สูง จะมีน้้าไหลตลอดทั้งปี แต่  ( ตาน้้า / ประปาภูเขา )

                       คนบนพื้นที่สูงหรือบนดอยจะไม่กักเก็บน้้าไว้เท่าที่ควร จึงควรสร้างฝายทดน้้าเล็ก ๆ เพื่อเก็บกักน้้า
                       แล้วต่อท่อน้้าไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ให้ม ีน้้าใช้อย่างทั่วถึง ดังเช่นการท้าที่กักเก็บน้้าในพื้นที่จังหวัดน่าน

                       ซึ่งกรมทรัพยากรน้้าไปสร้างให้ ส่วนน้้าที่ไหลลงพื้นที่ราบก็ควรมีห้วย หนอง หรือสร้างที่กักเก็บน้้าไว้ใช้

                                 3)  สร้างฝายชะลอน้้าเพื่อคนปลายน้้า โดยการชะลอให้น้้าไหลช้าแล้วเก็บไว้เป็นระยะ ๆ
                       ทุก ๆ 500    เมตร หรือ 1 กิโลเมตร

                              - การจัดการองค์ความรู้แก่ชุมชน ให้ความส้าคัญในการให้ความรู้เรื่องการจัดการน้้ากับคนใน

                       ชุมชน เช่น การจัดเก็บน้้าในฤดูฝนไว้ใช้หน้าแล้ง วิธีการป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดิน การ
                       อนุรักษ์ดินและน้้าร่วมกัน หรือองค์ความรู้เรื่องพระราชบัญญัติน้้าปี 2561 ทั้งประเด็นที่เกี่ยวกับสิทธิ

                       การใช้น้้าในครัวเรือน สิทธิการใช้น้้าเพื่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ และสิทธิการใช้น้้าในกิจการขนาดใหญ่
                       เพื่อสร้างความเข้าใจและไม่ให้ชุมชนวิตกมากเกินไป เช่น เรื่องสิทธิการใช้น้้าที่ถูกต้อง โดยเฉพาะ
   161   162   163   164   165   166   167   168   169   170   171