Page 161 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ สิทธิชุมชนในการจัดสรรทรัพยากรน้ำโดยใช้แนวทางสันติวิธี : กรณีศึกษาพื้นที่ต้นน้ำของประเทศไทย
P. 161
144
พื้นที่ และเนื่องจากการไหลของแม่น้้าน่านและน้้าว้าที่ไหลผ่านพื้นที่ต้าบลไหล่น่านค่อนข้างคดเคี้ยว
ประกอบกับการไหลของน้้าที่เชี่ยวกรากในช่วงฤดูฝนที่น้้าไหลบ่าจึงส่งผลให้ตลิ่งถูกกัดเซาะสร้างความ
เสียหายให้แก่เจ้าของพื้นที่ ขณะเดียวกัน ดินที่ถูกกัดเซาะจะถูกพัดพาและอาจก่อให้เกิดการทับถมจน
เป็นสาเหตุให้ล้าน้้าตื้นเขินต่อไป ส่วนในฤดูแล้งแม้น้้าในแม่น้้าน่านหรือน้้าว้าจะไม่ถึงกับแห้งขอด
แต่ในบางปีจังหวัดจะออกประกาศให้งดการใช้น้้าเพื่อการเพาะปลูกข้าวนาปรัง แต่ยังให้สามารถ
เพาะปลูกพืชชนิดอื่นที่ใช้น้้าน้อยกว่าได้ เช่น ข้าวโพด งา และถั่วลิสง เป็นต้น ทั้งนี้ ยังพบว่ามีปัญหา
คุณภาพน้้าประปาในบางช่วงเวลา กล่าวคือ น้้าประปามีสีขุ่น รสเค็ม หรือแหล่งน้้าดิบส้าหรับการผลิต
น้้าประปาไม่เพียงพอ เช่น ต้องขุดเจาะบ่อดาล 3 – 4 ครั้ง จึงสามารถพบแหล่งน้้าดิบส้าหรับผลิต
น้้าประปาได้
แนวทางการแก้ไขปัญหา พื้นที่ภายใต้การดูแลรับผิดชอบของ อบต. ไหล่น่าน ได้ให้
ความส้าคัญกับการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรน้้าที่เกิดขึ้น ซึ่งได้ยื่นของบประมาณสนับสนุน
อย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยส้าหรับการแก้ไขปัญหาน้้าท่วมนั้นใน
เบื้องต้นได้จัดเตรียมพื้นที่ส้าหรับให้ผู้ประสบภัยได้อพยพเคลื่อนย้ายข้าวของเครื่องใช้ไว้ยังที่ปลอดภัย
แต่การแก้ไขปัญหาในระยะยาวต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนงบประมาณเพื่อกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การ
สร้างคันดินชะลอการไหลบ่าของน้้า การสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งพัง การขุดลอกล้าน้้า (ในกรณีน้้ากัด
เซาะตลิ่ง) หรือการสร้างแหล่งรองรับน้้าเพื่อช่วยลดปัญหาน้้าท่วมขังและให้มีแหล่งน้้าใช้เพิ่มมากขึ้น
โดยเฉพาะในฤดูแล้งหรืออาจเป็นแหล่งน้้าดิบส้าหรับผลิตน้้าประปาในล้าดับต่อไป อย่างไรก็ตาม การ
น้าน้้าจากแม่น้้าน่านหรือน้้าว้ามาเป็นแหล่งน้้าดิบเพื่อผลิตน้้าประปายังคงไม่สามารถปฏิบัติได้
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของระดับน้้าตามช่วงฤดูกาลที่แตกต่างกันยังส่งผลให้เกิดความยุ่งยากใน
การด้าเนินการ นอกจากนี้ ปัญหาอีกประการที่พบในพื้นที่คือ ในกรณีน้้ากัดเซาะตลิ่งพบว่ามีบางแห่ง
ที่เจ้าของที่ดินมีเพียงโฉนดเท่านั้น แต่ไม่มีพื้นที่ที่แท้จริง เพราะที่ดินได้ถูกน้้ากัดเซาะไปทั้งหมดซึ่งสร้าง
ความเสียหายเป็นอย่างยิ่งให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ โดยขณะนี้เจ้าของที่ดินอยู่ระหว่างด้าเนินการเพื่อหาทาง
แก้ไขร่วมกับกรมที่ดิน
การอนุรักษ์ทรัพยากรน าโดยชุมชน การอนุรักษ์ทรัพยากรน้้าในเขตพื้นที่ต้าบลไหล่น่านเห็น
ได้จากการจัดสร้างฝายต้นน้้าล้าธาร (check dam) ในล้าธารต้นน้้าที่ไหลลงสู่แม่น้้าน่านหรือน้้าว้า
ซึ่งประกอบด้วยฝายกึ่งถาวรที่สร้างจากปูนซีเมนต์ร่วมกับคันดิน ประมาณ 210 แห่ง และฝาย
ผสมผสานแบบตาข่ายที่สร้างจากตาข่ายลวดและก้อนหิน ประมาณ 200 แห่ง รวมถึงภาครัฐได้จัดสรร
ที่ดินท้ากินให้แก่เกษตรกรและให้การสนับสนุนการเพาะปลูกไม้ผลยืนต้น เช่น เงาะ ทุเรียน เป็นต้น
ซึ่งเป็นพืชที่มีระบบรากลึกช่วยยึดหน้าดินจึงลดการพังทลายของดิน (soil erosion) โดยเฉพาะอย่าง
ยิ่งการปลูกในเขตพื้นที่สูงทดแทนการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ซึ่งเป็นพืชเชิงเดี่ยวที่เป็นสาเหตุให้เกิดการ
พังทลายของดิน ทั้งนี้ ในปัจจุบันเกษตรกรที่ใช้ประโยชน์จากสถานีสูบน้้าทั้ง 3 แห่ง ได้ร่วมกัน