Page 104 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ สิทธิชุมชนในการจัดสรรทรัพยากรน้ำโดยใช้แนวทางสันติวิธี : กรณีศึกษาพื้นที่ต้นน้ำของประเทศไทย
P. 104
87
สถานที่และเวลาในการใช้น้้าด้วย การวัดรอยเท้าน้้าแบ่งออกได้เป็น 3 ส่วน ตามที่กรมควบคุมมลพิษ
(2554) ได้ระบุไว้ ได้แก่
1. Blue water footprint (รอยเท้าน้้าสีฟ้า) หมายถึง ปริมาณน้้าจากแหล่งน้้าธรรมชาติ และ
แหล่งน้้าผิวดินอื่น ๆ ได้แก่ น้้าในแม่น้้า อ่างเก็บน้้า ทะเลสาบ และกักเก็บน้้าอื่น ๆ รวมทั้งแหล่งน้้าใต้
ดิน เช่น น้้าบาดาล น้้าที่ใช้ในการผลิตและให้บริการแก่ผู้บริโภค
2. Green water footprint (รอยเท้าน้้าสีเขียว) หมายถึง รอยเท้าน้้าที่อยู่ในรูปความชื้นใน
ดิน และตามต้นไม้ใบหญ้า ที่ถูกใช้ในการผลิตสินค้าและบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตพืชผล
การเกษตร การเลี้ยงสัตว์ และการแปรรูปไม้ เป็นต้น
3. Gray water footprint (รอยเท้าน้้าสีเทา) หมายถึง น้้าเสียจากกระบวนการผลิตและ
ให้บริการแก่ผู้บริโภค ซึ่งค้านวณได้จากปริมาณน้้าที่ถูกบ้าบัดและน้าเข้าสู่กระบวนการผลิตใหม่
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบ water footprint หรือ “รอยเท้าน้้า” ระหว่างประเทศ พบว่า ในปี
พ.ศ. 2560 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีปริมาณการใช้น้้า (water usage) สูงสุด เท่ากับ 2,270 แกลลอนต่อ
คนต่อวัน รองลงมา คือ สหรัฐอเมริกา เท่ากับ 2,200 แกลลอนต่อคนต่อวัน โดยแคนาดาและอิสราเอล
มีปริมาณการใช้น้้าเท่ากัน เท่ากับ 1,687 แกลลอนต่อคนต่อวัน (Water Footprint Calculator, 2017)
ขณะที่ประเทศไทยมีปริมาณการใช้น้้าในปี พ.ศ. 2554 เท่ากับ 89,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ซึ่งสูง
กว่าเวียดนามที่มีประชากรสูงกว่าประเทศไทยประมาณ 16 ล้านคน แต่มีปริมาณการใช้น้้าเพียง
84,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ส่วนที่ประเทศที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูง เช่น จีนและ
สหรัฐอเมริกา พบว่า มีปริมาณการใช้น้้า เท่ากับ 1,400,000 และ 820,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี
ตามล้าดับ (Mekonnen M.M. & Hoekstra A.Y., 2011)
4.4.2 ข้อจ ากัดด้านสิทธิการจัดการทรัพยากรน าในประเทศไทยเปรียบเทียบกับ
ต่างประเทศ
ประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้้าของประเทศไทยมีความเชื่อมโยงกับสิทธิด้าน
การจัดการทรัพยากรน้้าโดยตรง ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศที่ให้ความส้าคัญกับสิทธิชุมชนต่อ
การบริหารจัดการทรัพยากรน้้าแล้ว จะมีข้อแตกต่างกันกับกลุ่มประเทศที่มีก้าวหน้าด้านคุ้มครองสิทธิ
โดยเฉพาะกลุ่มประเทศตะวันตกจะเห็นว่าการให้สิทธิในการบริหารจัดการน้้าจะมีกลไกที่ให้ประชาชน
มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการน้้า และให้สิทธิชุมชนมีส่วนในกระบวนการตัดสินจะก่อให้เกิด
ประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการน้้ามากกว่าการบริหารจัดการทรัพยากรน้้าโดยภาครัฐเพียงฝ่าย
เดียว ช่องว่างทางกฎหมายที่จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิทธิด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้้าและ
ประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการน้้า ได้แก่