Page 101 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ สิทธิชุมชนในการจัดสรรทรัพยากรน้ำโดยใช้แนวทางสันติวิธี : กรณีศึกษาพื้นที่ต้นน้ำของประเทศไทย
P. 101
84
ความขัดแย้ง
การเจรจาต่อรอง
คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย เสนอข้อแลกเปลี่ยนน้ามาซึ่ง
ผลประโยชน์ที่ยอมรับทั้ง 2 ฝ่าย (win-win)
การเจรจาไกล่เกลี่ยโดยคนกลาง
เลือกคนกลางที่ทั้ง 2 ฝ่าย ให้การยอมรับ มีความ
น่าเชื่อถือ และสามารถประนีประนอมข้อพิพาทได้
ความขัดแย้งได้รับการแก้ไข
แผนภูมิที่ 4.6 กระบวนการจัดการความขัดแย้งระหว่างผู้เลี้ยงปลาในกระชังและผู้ใช้น้้าลุ่มน้้าล้าปะทาว
อ้าเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ
โดยสรุป บทเรียนกรณีศึกษาอาจกล่าวได้ว่าเมื่อเกิดความขัดแย้งหรือประสบปัญหาด้านการ
จัดการทรัพยากรน้้า ชุมชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่างแสวงหาทางออกเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว แม้ส่วนใหญ่
จะยังพิจารณาถึงประโยชน์ที่ตนเองได้รับเป็นส้าคัญ แต่เพื่อคลี่คลายปัญหาเหล่านั้นผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
ย่อมเลือกทางออกที่เป็นที่ยอมรับและคงสิทธิพึงมีของตนเองให้มากที่สุด ซึ่งจากกรณีศึกษาทั้งสาม
แสดงให้เห็นว่าการพูดคุย ปรึกษาหารือ โดยเน้นชุมชนเป็นส้าคัญเป็นหัวใจของการแสวงหาทางออกและ
เป็นที่ยอมรับในระยะยาว เพราะชุมชนถือเป็นผู้มีสิทธิเป็นส่วนใหญ่และแนวทางการแก้ไขปัญหาที่พบ
มุ่งเน้นการรักษาสันติสุขภายในชุมชนตามหลักสันติวิธี ซึ่งจ้าแนกได้ 2 ประเภทหลัก ได้แก่ (1) การใช้
รูปแบบสถานการณ์ปัจจุบันจัดการทรัพยากรน้้า เช่น การจัดตั้งกลุ่ม/เครือข่าย/องค์กร การออกข้อบัญญัติ
และการไกล่เกลี่ย เป็นต้น และ (2) การใช้วัฒนธรรม/ประเพณีดั้งเดิมจัดการทรัพยากรน้้า เช่น การเลี้ยง
ผีขุนน้้า การซ่อมฝาย รองเหมืองฝาย และประเพณีการแห่ช้างเผือก เป็นต้น แนวปฏิบัติที่ดีจากทั้ง
สามกรณีศึกษาแม้จะสามารถแก้ไขปัญหาทรัพยากรน้้าในชุมชนได้ แต่การเลือกใช้แนวปฏิบัติดังกล่าว