Page 99 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ สิทธิชุมชนในการจัดสรรทรัพยากรน้ำโดยใช้แนวทางสันติวิธี : กรณีศึกษาพื้นที่ต้นน้ำของประเทศไทย
P. 99

82



                              ที่มาหรือสถานการณ์ปัญหาต่อการจัดการทรัพยากรน  า เมื่อพิจารณาจากภายนอกจะเห็นว่า
                       การใช้ประโยชน์จากล้าปะทาวนั้นมีความเหมาะสมทั้งต่อสภาพพื้นที่หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่หากพิจารณา

                       อย่างลึกซึ้งจะพบว่า การใช้ประโยชน์จากล้าปะทาวมีความอ่อนไหวอย่างยิ่ง และน้าไปสู่ความขัดแย้งจาก

                       การใช้น้้าในหลายกรณี และหนึ่งในความขัดแย้งดังกล่าวคือ ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผู้เลี้ยงปลาใน
                       กระชังบ้านท่ามะกอก ต้าบลเก่าย่าดี อ้าเภอแก้งคร้อ กับกลุ่มผู้ใช้น้้าบ้านนาแก ต้าบลหนองทุ่ม อ้าเภอ

                       แก้งคร้อ โดยความขัดแย้งนี้เกิดขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2541 เนื่องจากการเลี้ยงปลาในกระชังที่ได้รับการ

                       ส่งเสริมจากหน่วยงานภาครัฐเพื่อสร้างอาชีพหรือเสริมรายได้ให้แก่คนในชุมชนบ้านท่ามะกอก โดยชาวบ้าน
                       ประสบความส้าเร็จเป็นอย่างดีจากการเลี้ยงปลาในกระชัง ส่งผลให้เกิดความต้องการขยายพื้นที่เลี้ยง

                       ปลาให้เพียงพอกับความต้องการของตน ขณะเดียวกันยังต้องการน้้าในระดับที่สามารถรองรับกับปริมาณ

                       ปลาที่เลี้ยงเพิ่มขึ้น เหตุนี้ท้าให้ชาวบ้านได้รุกล้้าพื้นที่เข้าไปในเขตท่อส่งน้้าเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ส่งผล
                       กระทบต่อการผลิตกระแสไฟฟ้า และชาวบ้านที่อยู่ปลายน้้ายังได้รับผลกระทบจากการเลี้ยงปลาใน

                       กระชังด้วย เช่น มีผื่นคันตามร่างกายหลังสัมผัสน้้า น้้ามีกลิ่นเหม็นคาวปลา เป็นต้น ผลกระทบดังกล่าว

                       ส่งผลให้เกิดข้อโต้แย้งระหว่างชาวบ้านทั้งสองกลุ่ม โดยชาวบ้านปลายน้้า (บ้านนาแก) เรียกร้องให้เคลื่อนย้าย
                       กระชังปลาออกจากพื้นที่เลี้ยงเดิมซึ่งอยู่ในบริเวณท่อส่งน้้าหรือเลิกการเลี้ยงปลา แม้ว่าชาวบ้านทั้งสอง

                       กลุ่มได้เคยพูดคุยกันหลายครั้งแต่ยังไม่บรรลุผล (สุนทร ปัญญะพงษ์ และคณะ, 2554; 2555)

                              แนวปฏิบัติที่ดี เมื่อทั้งสองฝ่ายคือกลุ่มผู้เลี้ยงปลาในกระชัง (บ้านท่ามะกอก) และกลุ่มผู้ใช้น้้า
                       (บ้านนาแก) ไม่สามารถตกลงเพื่อหาทางออกร่วมกันได้ ในที่สุดผู้น้าชุมชนทั้งสองจึงได้เชิญหัวหน้า

                       กรมพลังงานไฟฟ้าเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งดังกล่าว โดยเปิดโอกาสให้ชาวบ้านพูดคุย

                       เจรจาและหาทางออกร่วมกันจนเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่าย ผลจากการหารือดังกล่าวมีมติให้กลุ่ม
                       ผู้เลี้ยงปลาในกระชังย้ายกระชังเลี้ยงปลากลับสู่พื้นที่เดิมที่เคยเลี้ยงปลาในอดีต ขณะเดียวกัน

                       กรมพลังงานไฟฟ้าต้องปล่อยน้้าผลิตกระแสไฟฟ้าในปริมาณที่มีน้้าเพียงพอส้าหรับการเลี้ยงปลาใน

                       กระชังด้วยเช่นกัน ดังนั้น จึงสามารถสรุปกระบวนการคลี่คลายความขัดแย้งดังกล่าวซึ่งเป็นความ
                       ขัดแย้งระหว่างชาวบ้านกับชาวบ้าน (แผนภูมิที่ 4.6) ได้ดังนี้ (สุนทร ปัญญะพงษ์ และคณะ, 2555)

                              1) ขั้นตอนการเจรจาต่อรอง เริ่มต้นด้วยการพูดคุยถึงที่มาของปัญหาว่าเกิดจากอะไร ใครเป็น

                       ผู้เกี่ยวข้อง และเกิดผลกระทบอย่างไร เพื่อหาแนวทางที่เป็นข้อสรุปหรือข้อตกลงร่วมกัน เมื่อเกิด
                       ความขัดแย้งจนน้าไปสู่การโต้เถียงของกลุ่มคนทั้งสองฝ่าย ดังเช่น กรณีการคลี่คลายความขัดแย้ง

                       ระหว่างกลุ่มผู้เลี้ยงปลาในกระชังกับกลุ่มผู้ใช้น้้าบ้านนาแก ทั้ง 2 ฝ่ายใช้รูปแบบการแข่งขันเพื่อรักษา

                       ผลประโยชน์ของตนเอง กล่าวคือ กลุ่มผู้เลี้ยงปลาในกระชังต้องการเลี้ยงปลาในกระชังในพื้นที่ที่มาก
                       ขึ้นโดยกล่าวถึงนโยบายของหน่วยงานภาครัฐที่ให้การสนับสนุนและการได้รับงบประมาณสนับสนุน

                       จากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงความชอบธรรมตามสิทธิชุมชนของคนต้นน้้า ขณะที่ผู้ใช้น้้า
                       ต้องการให้หยุดเลี้ยงปลาในกระชังเพื่อให้มีน้้าสะอาดใช้อย่างเพียงพอด้วยการเผยแพร่ข้อมูลที่
   94   95   96   97   98   99   100   101   102   103   104