Page 19 - ประมวลข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครอง สิทธิมนุษยชน รวมทั้งการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้สอดคล้อง
P. 19

ประมวลข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
                                                      รวมทั้งการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน
                                            ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ระหว่าง ตุลาคม ๒๕๕๙ – ธันวาคม ๒๕๖๐


                  และให้หมายความรวมถึงการประมาทเลินเล่อในหน้าที่ดังกล่าวด้วย ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายก าหนด
                  ไว้ส าหรับการกระท าความผิดนั้น”


                                เมื่อพิจารณาข้อเสนอแนะข้างต้นที่ให้ปรับแก้บทก าหนดโทษตามมาตรา ๑๑๘
                  ให้สอดคล้องกับการกระท าความผิด แล้วเห็นว่า เป็นการก าหนดบทบัญญัติที่มีโทษทางอาญา ซึ่งขาดความ

                  ชัดเจนว่าการกระท าใดจะมีความรับผิดทางอาญา และบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับโทษขาดความชัดเจนว่า
                  การกระท าที่ถือว่าเป็นความผิดนั้นจะได้รับโทษสถานใด นอกจากนี้ บทบัญญัติตามข้อเสนอดังกล่าวไม่ได้

                  ก าหนดระวางโทษไว้แต่อย่างใด แต่ก าหนดให้ต้องไปพิจารณาจากกฎหมายอื่นๆ ซึ่งเป็นการก าหนด
                  บทลงโทษที่ไม่แจ้งชัด อันไม่สอดคล้องกับหลักการ  “ไม่มีความผิด ไม่มีโทษ หากไม่มีกฎหมาย”  ซึ่งเป็น

                  หลักการสากลที่ได้รับการรับรองโดยปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิ

                  พลเมืองและสิทธิทางการเมือง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๓๙ และ
                  ประมวลกฎหมายอาญา ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น


                                ในส่วนมาตรา ๑๑๘ วรรคสาม พิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นการก าหนดความรับผิดของ
                  เจ้าหน้าที่อย่างกว้างขวาง กล่าวคือ เป็นการก าหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องรับผิดหากการปฏิบัติหรือละเว้น

                  ไม่ปฏิบัติเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ค าสั่ง มติคณะรัฐมนตรีอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งการ

                  บัญญัติลักษณะนี้อาจท าให้เกิดปัญหาในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากข้อบังคับ ค าสั่ง
                  มติคณะรัฐมนตรีอาจก าหนดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาเหตุการณ์ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง มิได้มีลักษณะเป็นการ

                  ถาวร หรืออาจเป็นแนวปฏิบัติภายในของแต่ละส่วนราชการเท่านั้น ซึ่งบางกรณีหากเป็นการกระท าที่ไม่ได้
                  ทุจริตและรัฐไม่เสียประโยชน์ อาจมีความรับผิดทางวินัยตามระเบียบของหน่วยงานเท่านั้น จึงไม่ควรที่จะ

                  ก าหนดให้มีความรับผิดทางอาญาในส่วนนี้ด้วย อีกทั้ง บทบัญญัตินี้ได้ก าหนดความรับผิดทางอาญาให้จ าคุก
                  อันกระทบสิทธิเสรีภาพของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างยิ่ง โดยเจ้าหน้าที่ต้องรับผิดแม้ว่าการปฏิบัติหรือละเว้น

                  ไม่ปฏิบัตินั้นจะเป็นการทุจริตในวงราชการด้วยหรือไม่ก็ตามรวมถึงต้องรับผิดกรณีปฏิบัติหน้าที่ด้วยความ

                  ประมาทเลินเล่อด้วย ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ต้องรับผิดในทางอาญาได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งต่างจากพระราชบัญญัติ
                  ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ที่แม้ว่าความรับผิดของเจ้าหน้าที่จะเป็นความรับผิด

                  ทางแพ่งซึ่งมีผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพน้อยกว่า แต่ก็ยังก าหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องรับผิดต่อเมื่อได้
                                                        ๖
                  จงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเท่านั้น







                         ๖
                           พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙
                         มาตรา ๘ ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดใช้ค่าสินไหม ทดแทนแก่ผู้เสียหายเพื่อการละเมิดของเจ้าหน้าที่
                  ให้หน่วยงานของรัฐมีสิทธิเรียกให้เจ้าหน้าที่ผู้ท าละเมิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ดังกล่าวแก่หน่วยงานของรัฐได้ ถ้าเจ้าหน้าที่
                  ได้กระท าการนั้นไปด้วยความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง




                                                            ๑๕
   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24