Page 19 - ประมวลความเห็นทางกฎหมาย ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2559 ถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2560
P. 19
๑๗
สันนิษฐานใหกรรมการผูจัดการ ผูจัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดําเนินงานของนิติบุคคล
ตองรับโทษทางอาญารวมกับการกระทําความผิดของนิติบุคคล ซึ่งไดนํารายชื่อกฎหมายที่มีบทบัญญัติ
ในลักษณะที่ขัดหรือแยงตอรัฐธรรมนูญในทํานองดังกลาวมาระบุไวในมาตรา ๓ ของพระราชบัญญัตินี้
โดยบัญญัติใหยกเลิกเนื้อความในมาตราเดิมของกฎหมายทั้ง ๗๖ ฉบับ และใหใชเนื้อความใหมตามที่
ปรากฏในบัญชีทายพระราชบัญญัตินี้แทน
พิจารณาหลักการและเหตุผลของพระราชบัญญัติฉบับนี้แลวเห็นวา เปนการบัญญัติ
กฎหมายระดับพระราชบัญญัติขึ้นมาประกาศใชใหมีผลเปนการแกไขกฎหมายอื่น ระดับประมวลกฎหมาย
พระราชบัญญัติ และพระราชกําหนด รวม ๗๖ ฉบับ ที่เกี่ยวของกับความรับผิดในทางอาญาของผูแทน
นิติบุคคล เฉพาะในสวนที่สันนิษฐานใหกรรมการผูจัดการ ผูจัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการ
ดําเนินงานของนิติบุคคล ตองรับโทษทางอาญารวมกับการกระทําความผิดของนิติบุคคล โดยนํารายชื่อ
กฎหมายที่มีบทบัญญัติในลักษณะที่ขัดหรือแยงตอรัฐธรรมนูญในทํานองดังกลาวมาระบุไวใน
พระราชบัญญัติฉบับนี้ฉบับเดียว ซึ่งมีเพียง ๓ มาตรา โดยบัญญัติความในมาตรา ๓ ใหมีผลเปนการแกไข
ขอความในมาตราเดิมของกฎหมายที่มีปญหาทั้ง ๗๖ ฉบับ โดยยกเลิกขอความในมาตราเดิมของกฎหมาย
ดังกลาวและใหใชขอความใหมตามที่ปรากฏในบัญชีทายพระราชบัญญัตินี้ เพื่อมิใหขัดหรือแยงตอรัฐธรรมนูญ
ตามแนวคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ ๑๒/๒๕๕๕ ที่ ๕/๒๕๕๖ ที่ ๑๐/๒๕๕๖ ที่ ๑๑/๒๕๕๖ และที่
๑๙ - ๒๐/๒๕๕๖ ถือเปนการแกไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแหงกฎหมายในเชิงเทคนิคปกติ ตามอํานาจหนาที่
ของสภานิติบัญญัติแหงชาติ โดยรวมการพิจารณาแกไขกฎหมายที่มีเนื้อความและหลักการที่ขัดหรือแยง
ตอรัฐธรรมนูญไวในพระราชบัญญัติฉบับนี้ฉบับเดียว โดยคณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติแหงชาติไมตอง
ยุงยากและเสียเวลาในกระบวนการทางนิติบัญญัติในการพิจารณารางพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติม
บทบัญญัติแหงกฎหมายทีละฉบับ จํานวน ๗๖ ฉบับ ซึ่งตองประกาศในราชกิจจานุเบกษา ประมาณจํานวน
๗๖ ครั้ง
นอกจากนี้ พระราชบัญญัติฉบับนี้มีเหตุผลในการประกาศใช เพื่อแกไขหลักความรับผิด
ในทางอาญาของผูแทนนิติบุคคล เฉพาะในสวนที่สันนิษฐานใหกรรมการผูจัดการ ผูจัดการ หรือบุคคลใด
ซึ่งรับผิดชอบในการดําเนินงานของนิติบุคคล ตองรับโทษทางอาญารวมกับการกระทําความผิดของนิติบุคคล
ใหสอดคลองกับรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๓๙ วรรคสอง ปฏิญญาสากล
วาดวยสิทธิมนุษยชน ขอ ๑๑ และกติการะหวางประเทศวาดวยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
ขอ ๑๔.๒ อันถือเปนหลักการพื้นฐานของระบบงานยุติธรรมทางอาญาสากลที่วา บุคคลทุกคนมิใชผูกระทํา
ความผิดอาญาเพื่อเปนหลักประกันแหงสิทธิและเสรีภาพของบุคคลเกี่ยวกับความรับผิดทางอาญาที่รัฐ
ใหการรับรองแกบุคคลทุกคนที่จะไมถูกลงโทษทางอาญา จนกวาจะมีพยานหลักฐานมาพิสูจนไดวา
เปนผูกระทําความผิด และเปนหลักการที่สําคัญประการหนึ่งของหลักนิติธรรม (The Rule of Law) ที่ไดรับ
การยอมรับในนานาอารยประเทศ ซึ่งเปนไปตามคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังที่ไดกลาวแลวขางตน
จึงเห็นวา พระราชบัญญัติฉบับนี้มีหลักการและเหตุผลที่สอดคลองกับหลักสิทธิมนุษยชน หลักนิติธรรม
และรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย ตามขอเท็จจริงและเหตุผลดังกลาวแลว