Page 23 - ประมวลความเห็นทางกฎหมาย ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2559 ถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2560
P. 23

๒๑



                       มาประกอบการพิจารณาความรับผิดหลังจากที่โจทกไดมีการพิสูจนพยานหลักฐานแลว หลักความรับผิด
                       ของผูแทนนิติบุคคลหรือผูบริหารนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ จึงสอดคลองกับขอสันนิษฐานที่วา

                       “ผูตองหาหรือจําเลยในคดีอาญาเปนผูบริสุทธิ์” (presumption of innocence) ตามที่บัญญัติไวใน
                       รัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๓๙ วรรคสอง ที่ไดรับการรับรองและ
                       คุมครองตามรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ซึ่งเปนขอสันนิษฐาน
                       อันมีที่มาจากหลักสิทธิมนุษยชน ดังที่ปรากฏอยูในปฏิญญาสากลวาดวยสิทธิมนุษยชน (Universal
                       Declaration of Human Rights) ขอ ๑๑ ที่วา “บุคคลซึ่งถูกกลาวหาวามีความผิดอาญามีสิทธิที่จะไดรับ

                       การสันนิษฐานไวกอนวาบริสุทธิ์ จนกวาจะมีการพิสูจนวามีความผิดตามกฎหมายในการพิจารณาโดยเปดเผย
                       และผูนั้นไดรับหลักประกันทั้งหลายที่จําเปนในการตอสูคดี” ประกอบกับและกติการะหวางประเทศ
                       วาดวยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights :

                       ICCPR) ขอ ๑๔.๒ ที่วา “บุคคลทุกคนซึ่งตองหาวากระทําผิดอาญา ตองมีสิทธิไดรับการสันนิษฐานวาเปน
                       ผูบริสุทธิ์จนกวาจะพิสูจนตามกฎหมายไดวามีความผิด” อันถือเปนหลักการพื้นฐานของระบบงานยุติธรรม
                       ทางอาญาสากลที่วา “บุคคลทุกคนมิใชผูกระทําความผิดอาญา เพื่อเปนหลักประกันแหงสิทธิและเสรีภาพ
                       ของบุคคลเกี่ยวกับความรับผิด ทางอาญาที่รัฐใหการรับรองแกบุคคลทุกคนที่จะไมถูกลงโทษทางอาญา

                       จนกวาจะมีพยานหลักฐานมาพิสูจนไดวาเปนผูกระทําความผิด” และเปนหลักการที่สําคัญประการหนึ่ง
                       ของหลักนิติธรรม (The Rule of Law) ที่ไดรับการยอมรับในนานาอารยประเทศ

                                     ขอสังเกต อยางไรก็ตามยังมีกฎหมายบางฉบับที่บัญญัติถึงความรับผิดทางอาญา
                       ของนิติบุคคลและผูแทนนิติบุคคลที่มีบทสันนิษฐานความรับผิดทางอาญาของผูแทนนิติบุคคลใหตองรับผิด
                       ทางอาญารวมกับนิติบุคคล โดยโจทกไมจําตองพิสูจนการกระทําของผูแทนนิติบุคคลที่ตกเปนจําเลย

                       ในลักษณะเดียวกับกฎหมายจํานวน ๗๖ ฉบับดังกลาว แตยังไมไดรับการแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ
                       ฉบับนี้ ไดแก รางพระราชบัญญัติคุมครองขอมูลสวนบุคคล พ.ศ. .... มาตรา ๕๒ ที่ปจจุบันยังอยูระหวาง
                       การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแหงชาติ เปนตน ซึ่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติไดมี
                       ขอเสนอแนะในการปรับปรุงกฎหมาย เสนอตอคณะรัฐมนตรี โดยธนาคารแหงประเทศไทย กระทรวง

                       เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สํานักนายกรัฐมนตรี (สํานักงานคณะกรรมการขอมูลขาวสาร
                       ของราชการ) สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหนวยงานอื่นที่เกี่ยวของ เพื่อพิจารณาทบทวน
                       กฎหมายดังกลาว เนื่องจากเปนบทบัญญัติที่ขัดหรือแยงตอรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช
                       ๒๕๕๐ มาตรา ๓๙ วรรคสอง ในลักษณะทํานองเดียวกับกฎหมายทั้ง ๗๖ ฉบับ (ตามรายงานผลการพิจารณา

                       ที่ ๓๑๖/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๗) ดังนั้น จึงเห็นควรติดตามการพิจารณาแกไขปรับปรุง
                       กฎหมายดังกลาวใหสอดคลองกันทั้งระบบตามหลักสิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรม

                                     อนึ่ง ในประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ในสวนของความรับผิดทางอาญาของผูบริหารนิติบุคคล
                       หรือผูแทนนิติบุคคล กฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกามักจะบัญญัติในลักษณะที่ผูบริหารนิติบุคคล
                       จะตองรับผิด เพียงแคมีสวน “รูเห็น” ในการกระทําความผิดของนิติบุคคล โดยไมถึงขนาดตอง “ลงมือ”

                       กระทําความผิด เชนเดียวกับกฎหมายของประเทศอังกฤษ 15


                                     15  วงศศิริ ศรีรัตน เทียนฤทธิเดช. ความรับผิดทางอาญาของผูบริหารนิติบุคคล, วารสารนิติศาสตร  ปที่ ๒๓ ฉบับที่ ๓
                       (กรุงเทพ : สํานักพิมพมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร, ๒๕๓๘) น. ๕๕๒ - ๕๖๒
   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28