Page 400 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 400
กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
เป็นเหตุให้กรรมกำรมีมติไม่รับผู้ฟ้องคดีเข้ำศึกษำ อีกทั้งคณะกรรมการสอบสัมภาษณ์ก็มิได้พิจารณาไม่รับผู้ฟ้องคดีเพราะ
เหตุด้านบุคลิกภาพแต่ประการเดียว แต่ยังปรำกฏควำมไม่เหมำะสมด้ำนอื่นอีกหลำยประกำรที่เป็นเหตุผลในกำรไม่รับ
ผู้ฟ้องคดีเข้ำศึกษำ กำรพิจำรณำของคณะกรรมกำรสอบสัมภำษณ์จึงไม่ใช่กำรกระท�ำที่ต้องห้ำมตำมมำตรำ ๓๐ ของ
รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๔๐ คดีนี้จะเห็นได้ว่ำมีเหตุแห่งกำรเลือกปฏิบัติ เช่น รสนิยมทำงเพศ
มำเกี่ยวข้องแต่ข้อเท็จจริงไม่สำมำรถชี้ชัดได้ว่ำกำรปฏิบัติที่แตกต่ำงกันนั้นมีควำมเชื่อมโยงกับเหตุดังกล่ำว
คดีของศำลปกครองข้ำงต้นอำจเปรียบเทียบได้กับกรณีที่ผู้ร้องร้องต่อคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชน
แห่งชำติ เรื่องบุตรสำวถูกปฏิเสธกำรเข้ำศึกษำด้วยเหตุมีปำนบนใบหน้ำ ซึ่งเหตุนี้เกี่ยวข้องกับ “สภำพทำงกำย” จำกกำร
ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ำ กำรที่บุตรสำวของผู้ร้องไม่ผ่ำนกำรสอบคัดเลือกนั้นเป็นผลจำกคะแนนสอบ ไม่เกี่ยวข้องกับ
ปำนบนใบหน้ำแต่อย่ำงใด (รำยงำนผลกำรพิจำรณำ ที่ ๑๙๔/๒๕๕๗)
อำจสรุปได้ว่ำ กฎหมำยไทยและกฎหมำยสหรัฐอเมริกำต่ำงรับรองหลักควำมเสมอภำคไว้เช่นเดียวกัน
ส�ำหรับในมิติกำรศึกษำนั้น บุคคลย่อมมีสิทธิในกำรศึกษำโดยปรำศจำกกำรแบ่งแยกด้วยเหตุแห่งกำรเลือกปฏิบัติ เช่น
เชื้อชำติ สีผิว เพศ อย่ำงไรก็ตำม ศำลสหรัฐอเมริกำน�ำปัจจัยต่ำง ๆ มำประกอบกำรพิจำรณำนโยบำยหรือมำตรกำรที่
ปฏิบัติต่อบุคคลแตกต่ำงกันหรือมีกำรแบ่งแยกบุคคลในมิติกำรศึกษำด้วย ซึ่งอำจเปรียบเทียบได้กับหลักควำมเสมอภำค
เชิงสำระและหลักกำรห้ำมเลือกปฏิบัติโดยอ้อม ในกรณีของไทยนั้น ประเด็นกำรเลือกปฏิบัติในมิติกำรศึกษำที่เกี่ยวข้อง
กับกำรจ�ำแนกบุคคลตำมเหตุแห่งกำรเลือกปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับ “ถิ่นที่อยู่”จำกกรณีศึกษำดังกล่ำวข้ำงต้นนั้นไม่ขัด
หลักควำมเท่ำเทียมกันและไม่จัดเป็นกำรเลือกปฏิบัติ เนื่องจำกมีลักษณะเป็นมำตรกำรยืนยันสิทธิเชิงบวก ส�ำหรับกำร
จ�ำแนกบุคคลในมิติกำรศึกษำด้วยเหตุแห่งเพศนั้นพบว่ำ ตำมกฎหมำยไทยปัจจุบันมีหลักกำรคุ้มครองที่ครอบคลุมแล้ว
แต่ยังมีปัญหำกำรตีควำมในบำงประเด็น เช่น โรงเรียนที่รับนักเรียนเฉพำะเพศนั้น อยู่บนพื้นฐำนของเหตุผลอันสมควร
หรือไม่ อย่ำงไร ส�ำหรับประเด็นกำรเลือกปฏิบัติในมิติกำรศึกษำด้วยเหตุแห่งกำรเลือกปฏิบัติอื่น ๆ โดยเฉพำะ เชื้อชำติ
สัญชำติ นั้น กฎหมำยไทยที่เป็นอยู่ได้วำงหลักเกณฑ์กำรคุ้มครองควำมเสมอภำคไว้ครอบคลุมแล้ว นอกจำกนี้ ยังพบว่ำมี
ประเด็นเกี่ยวกับกำรเลือกปฏิบัติอื่น ๆ ในมิติกำรศึกษำของไทย ซึ่งในหลำยกรณีไม่เกี่ยวข้องกับเหตุแห่งกำรเลือกปฏิบัติ
ตำมกฎหมำยสิทธิมนุษยชนแต่อย่ำงใด
๔.๑๓ การเลือกปฏิบัติในกรณีการคุกคามทางเพศ (Sexual Harassment)
ในหัวข้อนี้จะได้ศึกษำวิเครำะห์กำรคุกคำมทำงเพศ (Sexual Harassment) ในบริบทของกฎหมำยสิทธิมนุษยชน
ที่เกี่ยวกับหลักควำมเท่ำเทียมกันและกำรไม่เลือกปฏิบัติ โดยเริ่มจำกชี้ให้เห็นควำมสัมพันธ์ระหว่ำงกำรคุกคำมทำงเพศ
กับหลักควำมเท่ำเทียมกันและกำรไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อน�ำไปสู่กำรวิเครำะห์เปรียบเทียบกฎหมำยต่ำงประเทศกับกฎหมำย
ไทยที่เกี่ยวข้องต่อไป
๔.๑๓.๑ การคุ้มครองผู้ถูกคุกคามทางเพศในกรอบของการห้ามเลือกปฏิบัติ
กำคุกคำมทำงเพศมีควำมหมำยโดยทั่วไป คือ กำรกลั่นแกล้งรังแก หรือกำรบีบบังคับที่มีลักษณะ
เกี่ยวข้องกับเรื่องทำงเพศ รวมถึงกำรให้สัญญำหรือสิ่งตอบแทนใด ๆ เพื่อเป็นกำรแลกเปลี่ยนกับกำรปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่อง
399