Page 391 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 391
ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ
Equality) แต่หำกกำรปฏิบัติที่แตกต่ำงกันนั้นมีลักษณะเป็นกำรท�ำให้เกิดควำมแตกต่ำงกันระหว่ำงบุคคลด้วยเหตุ
เชื้อชำติ สีผิว ก็จะเป็นกำรไม่สอดคล้องกับหลักควำมเท่ำเทียมกัน นอกจำกนี้ ยังอำจพิจำรณำได้ว่ำนโยบำยบำงอย่ำง
ของรัฐที่มีลักษณะส่งเสริมหรือให้สิทธิแก่บุคคลบำงกลุ่ม หำกเป็นไปเพื่อสร้ำงควำมเท่ำเทียมกันแล้วก็เป็นกำรชอบด้วย
กฎหมำย ซึ่งมีลักษณะเป็น “มำตรกำรยืนยันสิทธิเชิงบวก” ดังที่ได้วิเครำะห์มำแล้วนั่นเอง
๔.๑๒.๒ หลักความเท่าเทียมด้านเชื้อชาติ (Racial equality doctrine) และปัจจัยที่จับต้อง
ไม่ได้ (Intangible factor)
นับจำกคดี Plessey v. Ferguson ในปี ค.ศ. ๑๘๙๖ ศำลก็มีแนวโน้มทบทวนแนวค�ำพิพำกษำใหม่โดย
มุ่งเน้นควำมเท่ำเทียมกัน ในกำรนี้ ศำลได้สร้ำงหลักควำมเท่ำเทียมด้ำนเชื้อชำติ (Racial equality doctrine) ในบริบท
กำรให้บริกำรด้ำนกำรศึกษำขึ้น เพื่อแก้ปัญหำกำรเลือกปฏิบัติด้วยเหตุเชื้อชำติ สีผิว กล่ำวคือ ศำลวำงหลักว่ำ นโยบำย
หรือกฎหมำยตำมแนวคิด “กำรแบ่งแยกแต่เท่ำเทียมกัน” (Separate but equal) นั้น หำกส่งผลให้กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งถูก
ปฏิเสธด้วยปัจจัยที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Factor) แล้วก็จะเป็นกำรเลือกปฏิบัติขัดต่อหลักควำมเท่ำเทียมกัน อย่ำงไร
ก็ตำม ปัญหำว่ำอะไรคือ “ปัจจัยที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Factor)” นั้น ยังไม่ชัดเจน ทั้งนี้ ขึ้นกับค�ำพิพำกษำในแต่ละคดี
380
ตัวอย่ำงเช่น ในคดี McLaurin v. Oklahoma State Regents ศำลเห็นว่ำ กำรแบ่งแยก
โรงเรียนด้วยสำเหตุด้ำนเชื้อชำติ ส่งผลให้บุคคลบำงกลุ่มถูกปฏิเสธเสียซึ่งควำมสำมำรถในกำรเข้ำเรียน กำรแลกเปลี่ยน
ควำมคิดเห็น และกำรเรียนรู้ ศำลให้เหตุผลว่ำ ในกำรที่มลรัฐจะขจัดเสียซึ่งอุปสรรคของโอกำสที่เท่ำเทียมกันนั้น ไม่จ�ำต้อง
ขจัดอคติทั้งหมดในทุกรูปแบบ (All forms of prejudice) เพียงแต่ต้องท�ำให้บุคคลไม่ถูกพรำกไปเสียซึ่งโอกำสที่จะได้
รับกำรยอมรับด้วยเหตุแห่งควำมสำมำรถของแต่ละบุคคล โดยไม่ถูกจ�ำแนกกลุ่มอย่ำงอัตโนมัติและคัดแยกไว้ในกลุ่มใด
กลุ่มหนึ่งโดยเฉพำะ
ศำลสูงสุดของสหรัฐอเมริกำได้อธิบำย “ปัจจัยที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Factor)” ไว้อย่ำงละเอียด
381
ในคดี Sweatt v. Painter
คดีนี้เป็นกรณีโจทก์ซึ่งเป็นคนผิวสีถูกปฏิเสธกำรรับเข้ำเรียนในคณะนิติศำสตร์ มหำวิทยำลัยเท็กซัส
โดยในขณะนั้นทำงมลรัฐมีกำรจัดตั้งมหำวิทยำลัยส�ำหรับคนผิวสีโดยเฉพำะ ตำมแนวคิด กำรแบ่งแยกแต่เท่ำเทียม
ประเด็นของคดีที่ส�ำคัญที่ศำลสูงสุดพิจำรณำก็คือ แม้ว่ำโจทก์จะยังคงมีโอกำสในกำรศึกษำกล่ำวคือสำมำรถเข้ำศึกษำ
ในมหำวิทยำลัยอื่นที่จัดไว้ส�ำหรับคนผิวสีโดยเฉพำะ แต่นโยบำยดังกล่ำวก็เป็นกำรเลือกปฏิบัติและท�ำให้เกิดควำม
ไม่เท่ำเทียมกัน โดยศำลได้ชี้ให้เห็นปัจจัยที่แตกต่ำงกันระหว่ำงมหำวิทยำลัยส�ำหรับคนผิวขำวและผิวสี เช่น
มหำวิทยำลัยเท็กซัส มีอำจำรย์ประจ�ำ ๑๖ คน ในขณะที่มหำวิทยำลัยส�ำหรับคนผิวสีมีอำจำรย์
ประจ�ำเพียง ๕ คน
มหำวิทยำลัยเท็กซัส มีนักศึกษำ ๘๕๐ คน และมีจ�ำนวนหนังสือในห้องสมุด ๖๕๐,๐๐๐ เล่ม ใน
ขณะที่มหำวิทยำลัยส�ำหรับคนผิวสีมีนักศึกษำ ๒๓ คนและมีหนังสือในห้องสมุดเพียง ๑๖,๕๐๐ เล่ม
มหำวิทยำลัยเท็กซัส มีโครงกำรสนับสนุนกำรศึกษำ เช่น ศำลจ�ำลอง (Moot Court) รวมทั้ง
นักศึกษำมีโอกำสเข้ำร่วมในกำรฝึกงำนภำคปฏิบัติ ในขณะที่มหำวิทยำลัยส�ำหรับคนผิวสีมีโครงกำรสนับสนุนกำรศึกษำ
ดังกล่ำวน้อยกว่ำ
380
From “McLaurin v. Oklahoma State Regents” 339 U.S. 637 (1950)
381
From “Sweatt v. Painter” 339 U.S.629 (1950)
390