Page 362 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 362

กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ





                                   ในประเด็นนี้หำกพิจำรณำกฎหมำยแคนำดำจะพบว่ำ มีกำรจ�ำแนกควำมแตกต่ำงระหว่ำง “กำร
               ถูกตั้งข้อหำ” (Criminal charge) กับกำรถูกตัดสินโทษ (Conviction) แต่มีขอบเขตแตกต่ำงกันไป ส�ำหรับในระดับ
               สหพันธรัฐนั้น กฎหมำยสิทธิมนุษยชนระดับสหพันธรัฐ (Federal Human Rights Act) ชองแคนำดำจ�ำกัดขอบเขต

               ควำมหมำยของประวัติอำชญำกรรมไว้แคบ เฉพำะกำรถูกศำลตัดสินให้ได้รับโทษทำงอำญำ อีกทั้งต้องเป็นกรณีที่ได้รับ
               กำรระงับประวัติอำชญำกรรม ดังนั้น หำกเป็นกรณีกำรถูกตั้งข้อหำ หรือกำรถูกตัดสินโทษแต่ไม่ได้รับอนุญำตให้ระงับ
               ประวัติอำชญำกรรม ก็ไม่ถือเป็นเหตุแห่งกำรเลือกปฏิบัติที่ได้รับกำรคุ้มครองตำมกฎหมำย หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ อำจเลือก

               ปฏิบัติต่อบุคคลที่มีประวัติอำชญำกรรมอันไม่เข้ำเงื่อนไขดังกล่ำวนี้ได้ อย่ำงไรก็ตำม ส�ำหรับกฎหมำยระดับมลรัฐนั้นพบ
               ว่ำมีหลักกำรแตกต่ำงกันไป บำงมลรัฐครอบคลุมเฉพำะกำรถูกตัดสินโทษอำญำ (Convicted of criminal offence) ใน

               ขณะที่บำงมลรัฐครอบคลุมกำรถูกตั้งข้อหำด้วย
                                   หำกเปรียบเทียบกับกฎหมำยออสเตรเลีย ในระดับสหพันธรัฐ พบว่ำมิได้ก�ำหนดนิยำมควำม
               หมำยของ “ประวัติอำชญำกรรม” (Criminal Record) ไว้โดยเฉพำะ แต่มีกำรตีควำมอย่ำงกว้ำงไม่เฉพำะประวัติที่อยู่

               ในควำมควบคุมของเจ้ำหน้ำที่ต�ำรวจ แต่รวมถึงสถำนกำรณ์แวดล้อมของกำรถูกตัดสินโทษด้วย (Circumstance of the
               Conviction) ดังนั้น จึงครอบคลุมกำรตั้งข้อหำ กำรสืบสวน กำรถูกตัดสินว่ำมีควำมผิดและได้รับโทษ กำรถูกตัดสินว่ำมี

               ควำมผิดแต่ได้รับกำรยกเว้นโทษ แม้แต่กรณีที่บุคคลนั้นมิได้มีประวัติอำชญำกรรมจริง แต่ถูกนำยจ้ำงเลือกปฏิบัติเพรำะ
               นำยจ้ำงเชื่อว่ำบุคคลนั้นมีประวัติอำชญำกรรม (Imputed Criminal Record) ส�ำหรับระดับมลรัฐนั้น แต่ละมลรัฐยังอำจ
               มีกฎหมำยก�ำหนดรำยละเอียดของประวัติอำชญำกรรม ในควำมหมำยที่แตกต่ำงกันไปได้ นอกจำกนี้ ยังมีข้อสังเกตว่ำ

               คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนออสเตรเลีย พิจำรณำว่ำที่ผู้สมัครงำนไม่ได้รับกำรคัดเลือกด้วยเหตุที่เขำ “ปฏิเสธที่จะ
                                                                                      313
               เปิดเผยประวัติอำชญำกรรม” นั้นเป็นกำรเลือกปฎิบัติด้วยเหตุประวัติอำชญำกรรมด้วย
                                   กฎหมำยสิทธิพลเมืองสหรัฐอเมริกำ (The Civil Rights Act) ก�ำหนดเหตุแห่งกำรเลือกปฏิบัติไว้

               เฉพำะ “เชื้อชำติ สีผิว ศำสนำ เพศ หรือถิ่นก�ำเนิด (race, color, religion, sex, or national origin)” โดยมิได้ก�ำหนด
               “ประวัติอำชญำกรรม” เป็นเหตุแห่งกำรเลือกปฏิบัติโดยตัวของมันเอง อย่ำงไรก็ตำม คณะกรรมกำรควำมเท่ำเทียมกัน
               ในกำรจ้ำงงำน (Equal Employment Opportunity Commission หรือ EEOC ก�ำหนดแนวทำงกำรบังคับใช้กฎหมำย

               (Enforcement Guidance) ส�ำหรับในส่วนที่เกี่ยวกับ “ประวัติอำชญำกรรม” หรือที่เรียกว่ำ “ประวัติกำรถูกจับและกำร
                                                       314
               ตัดสินโทษ” (Arrest and Conviction Record)  ไว้ว่ำ ในกรณีที่นโยบำยกำรจ้ำงงำนที่ส่งผลให้เกิดกำรเลือกปฏิบัติ
               ด้วยเหตุแห่งกำรเลือกปฏิบัติตำมกฎหมำยสิทธิพลเมือง (เชื้อชำติ สีผิว ศำสนำ เพศ หรือถิ่นก�ำเนิด) นำยจ้ำงจ�ำต้องแสดง
               ให้เห็นว่ำประวัติอำชญำกรรมนั้นเกี่ยวข้องกับงำนและสอดคล้องกับควำมจ�ำเป็นทำงธุรกิจ (Job related and consistent
                                      315
               with business necessity)  ดังนั้น แม้โดยทั่วไปจะเห็นได้ว่ำ ประวัติอำชญำกรรมในแง่นี้มีควำมหมำยกว้ำงกว่ำกำร

                      313
                          From “Reports of inquiries into complaints of discrimination in employment on the basis of criminal
               record, Mr. Mark Hall v. NSW” Thoroughbred Racing Board, HREOC Report No. 19
                      314
                          Enforcement Guidance on the Consideration of Arrest and Conviction Records in Employment
               Decisions Under Title VII of the Civil Rights Act of 1964, as amended, 42 U.S.C. § 2000e et seq. Retrieved from

               https://www.eeoc.gov/laws/guidance/arrest_conviction.cfm#sdendnote108anc
                      315
                          ตำมหลักกฎหมำยสหรัฐอเมริกำ หำกโจทก์พิสูจน์ได้ว่ำกำรปฏิบัติของนำยจ้ำงหรือในกรณีที่เกี่ยวกับกำรจ้ำงแรงงำนนั้น
               แม้จะมีลักษณะเป็นกลำง (Neutral) คือ ใช้กับทุกคนเหมือนกัน แต่ส่งผลกระทบอันแตกต่ำงอย่ำงไม่ได้สัดส่วนต่อบุคคลในกลุ่มที่เกี่ยวข้อง
               กับเหตุแห่งกำรเลือกปฏิบัติ  (Desperate  Impact  Discrimination)  ก็อำจเป็นกำรเลือกปฏิบัติที่ฝ่ำฝืนกฎหมำยสิทธิพลเมืองได้  ทั้งนี้
               หำกนำยจ้ำงไม่สำมำรถพิสูจน์ให้เห็นได้ว่ำกำรปฏิบัติดังกล่ำวมีเหตุผลจ�ำเป็นทำงธุรกิจ (Business Necessity)



                                                               361
   357   358   359   360   361   362   363   364   365   366   367