Page 359 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 359
ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ
ส�ำหรับค�ำร้องที่คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติเคยพิจำรณำในประเด็นกำรน�ำประวัติ
อำชญำกรรมำก�ำหนดคุณสมบัติเข้ำรับรำชกำร จะเห็นได้จำกรำยงำนผลกำรพิจำรณำ ที่ ๔๓/๒๕๕๕ ข้อเท็จจริงสรุปได้ว่ำ
ผู้ร้องเคยถูกด�ำเนินคดีเกี่ยวกับยำเสพติดและศำลพิพำกษำให้จ�ำคุก ๓ ปี ๖ เดือน ปัจจุบันผู้ร้องพ้นโทษมำเป็นเวลำกว่ำ
๕ ปี ประกอบอำชีพสุจริต ต้องกำรจะสอบเข้ำรับรำชกำร แต่ถูกจ�ำกัดสิทธิดังกล่ำว ผู้ร้องต้องกำรสอบเข้ำรับรำชกำร
สังกัดรัฐสภำ แต่เมื่อโทรศัพท์ไปสอบถำมได้รับแจ้งว่ำ ผู้ร้องไม่มีสิทธิสอบและหำกสอบได้คะแนนเต็มก็ไม่มีทำงได้เข้ำ
รับรำชกำร คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติมอบหมำยให้คณะอนุกรรมกำรตรวจสอบกำรละเมิดสิทธิมนุษยชน
ด้ำนกฎหมำยและกำรปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมพิจำรณำต่อไป ประเด็นกำรตรวจสอบ คือ กำรก�ำหนดลักษณะต้องห้ำมของ
ผู้ที่จะเข้ำรับรำชกำรของรัฐสภำ ตำมมำตรำ ๓๗ แห่งพระรำชบัญญัติระเบียบข้ำรำชกำรรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๕๔ กระทบ
ต่อสิทธิของผู้ร้องหรือไม่ อย่ำงไร
คณะอนุกรรมกำร ฯ พิจำรณำแล้วเห็นว่ำ แม้มำตรำ ๓๗ ข (๗) จะก�ำหนดคุณสมบัติว่ำต้อง
ไม่เป็นผู้เคยได้รับโทษจ�ำคุกโดยค�ำพิพำกษำถึงที่สุดให้จ�ำคุก เว้นแต่เป็นโทษส�ำหรับควำมผิดที่กระท�ำโดยประมำทหรือ
ควำมผิดลหุโทษ แต่มำตรำ ๓๗ วรรคสอง วรรคสำม และวรรคสี่ ได้บัญญัติข้อยกเว้นเพื่อเปิดโอกำสให้ผู้มีลักษณะต้อง
ห้ำมตำมข้อ ข (๗) ได้รับกำรพิจำรณำยกเว้นคุณสมบัติดังกล่ำวได้ ฉะนั้นผู้ร้องยังอำจได้รับกำรพิจำรณำให้เข้ำรับรำชกำร
ได้ หำกคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรรัฐสภำพิจำรณำยกเว้นโดยต้องได้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่ำสี่ในห้ำของจ�ำนวนกรรมกำร
ที่มำประชุม คณะอนุกรรมกำร ฯ จึงเห็นว่ำผู้ร้องยังไม่ถูกกระทบสิทธิในเรื่องกำรไม่สำมำรถเข้ำรับรำชกำรรัฐสภำ เพรำะ
เคยต้องค�ำพิพำกษำถึงที่สุดให้จ�ำคุก ตำมมำตรำ ๓๗ แห่งพระรำชบัญญัติระเบียบข้ำรำชกำรรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๕๔
จะเห็นได้ว่ำ กรณีตำมค�ำร้องและรำยงำนผลกำรพิจำรณำดังกล่ำว แม้ว่ำเกี่ยวข้องกับ
กฎหมำยไทยที่ก�ำหนดคุณสมบัติในกำรรับรำชกำรซึ่งผู้ร้องอ้ำงว่ำเป็นกำรเลือกปฏิบัติและจ�ำกัดสิทธิในกำรประกอบ
อำชีพ แต่มีประเด็นจ�ำกัดเฉพำะตำมพระรำชบัญญัติระเบียบข้ำรำชกำรรัฐสภำ พ.ศ. ๒๕๕๔ เท่ำนั้น ซึ่งจำกรำยงำนผล
กำรพิจำรณำดังกล่ำวคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบำยต่อหน่วยงำนรำชกำรที่เกี่ยวข้อง
ว่ำ “..โดยกลุ่มที่ก�ำหนดให้กำรต้องค�ำพิพำกษำถึงที่สุดให้จ�ำคุกเป็นคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ำมในกำรเข้ำรับรำชกำร
โดยไม่มีกำรก�ำหนดข้อยกเว้นให้มีกำรใช้ดุลพินิจยกเว้นลักษณะต้องห้ำมได้ ควรมีกำรพิจำรณำทบทวนปรับปรุงและแก้ไข
กฎหมำยให้สอดคล้องกับมิติด้ำนสิทธิเสรีภำพตำมรัฐธรรมนูญและพันธกรณีระหว่ำงประเทศรับรองไว้ โดยกำรก�ำหนด
ข้อยกเว้นต้องมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนและเป็นธรรม รวมทั้งควรมีกำรพิจำรณำถึงควำมเหมำะสมในกำรประกอบอำชีพด้วย
ซึ่งในข้อยกเว้นนั้นอำจก�ำหนดกรอบระยะเวลำให้กับผู้ที่เคยได้รับโทษจ�ำคุก เพื่อเปิดโอกำสให้สำมำรถใช้สิทธิสมัครเข้ำ
รับรำชกำรและกลับตนเป็นคนดีต่อไป…”
๔.๑๐.๓.๒ กรณีประวัติอาชญากรรมกับการจ้างงานในภาคเอกชน
ส�ำหรับกรณีนี้จะศึกษำวิเครำะห์ค�ำร้องต่อคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ กรณีกำร
จ้ำงงำนในภำคเอกชน (ค�ำร้องที่ ๔๘๖/๒๕๕๖ รำยงำนผลกำรพิจำรณำ ที่ ๔๙๕/๒๕๕๘)
ข้อเท็จจริงสรุปได้ว่ำ ผู้ร้องมีประเด็นเรื่องกำรปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมอันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิ
และเสรีภำพในกำรประกอบอำชีพ กรณีนำยจ้ำงน�ำข้อมูลประวัติอำชญำกรรมมำประกอบกำรพิจำรณำรับบรรจุเข้ำ
ท�ำงำนโดยไม่เป็นธรรม ผู้ร้องเคยถูกศำลพิพำกษำลงโทษจ�ำคุกในคดีลักทรัพย์ และรอลงอำญำไว้ ๒ ปี ต่อมำ ผู้ร้องได้
สมัครเข้ำเป็นพนักงำนขำยรถยนต์บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ผู้ร้องได้ปฏิบัติงำนผ่ำนกำรทดลองงำน ๓ เดือนและถูกตรวจ
ประวัติอำชญำกรรม ผลตรวจพบว่ำผู้ร้องมีประวัติถูกด�ำเนินคดีอำญำ บริษัทปฏิเสธกำรบรรจุผู้ร้องเข้ำเป็นพนักงำน
358