Page 357 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 357

ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ





                  308
          ของตนได้  อย่ำงไรก็ตำม ข้อมูลนี้อำจถูกคัดแยกออกจำกสำรบบได้ในบำงเหตุที่ระเบียบฉบับนี้ก�ำหนด เช่น “ศำล
          สั่งยกฟ้อง ศำลมีค�ำพิพำกษำถึงที่สุดให้ยกฟ้อง ผู้เสียหำยถอนค�ำร้องทุกข์ ถอนฟ้อง หรือยอมควำมกันโดยถูกต้องตำม

                  309
          กฎหมำย”  ด้วยเหตุนี้ กำรประกอบอำชีพในภำครัฐหรือภำคเอกชน ก็อำจมีกำรตรวจสอบประวัติอำชญำกรรมที่มี
          กำรบันทึกไว้นี้ โดยหลังจำกตรวจสอบแล้ว หำกพบว่ำมีประวัติอำชญำกรรม ก็มิได้มีกฎหมำยใดคุ้มครองผู้ที่ไม่ได้รับ
          กำรจ้ำงหรือถูกเลิกจ้ำงด้วยเหตุมีประวัติอำชญำกรรมดังกล่ำว แม้ว่ำประวัติอำชญำกรรมนั้นจะไม่เกี่ยวข้องกับงำนที่

          สมัครหรือที่ท�ำอยู่ก็ตำม
                              พระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
                                                                                            310
          มีพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา พ.ศ. ๒๕๕๐ กฎหมำยนี้เป็นกำรล้ำงโทษให้กับบุคคลที่ถูกลงโทษจริง  เช่น บุคคลที่
          ถูกจ�ำคุกตำมค�ำพิพำกษำของศำล ให้ถือว่ำไม่เคยได้รับโทษนั้น แต่มิได้เป็นกำรลบล้ำง “ควำมผิด” ไปด้วย นอกจำกนี้
          กฎหมำยฉบับนี้มิได้ก�ำหนดให้ต้องลบประวัติอำชญำกรรมของบุคคลนั้นออกจำกระบบ หำกตรวจสอบประวัติอำชญำกรรม

          จำกกองทะเบียนประวัติอำชญำกรรม จะยังคงปรำกฏว่ำบุคคลนั้นเคยกระท�ำผิดเพียงแต่มีหมำยเหตุว่ำได้รับกำรล้ำง
          มลทินแล้ว ยิ่งกว่ำนั้น กฎหมำยฉบับนี้ไม่ได้วำงหลักคุ้มครองต่อไปถึงผลภำยหลังจำกกำรล้ำงมลทินในมิติของกำรจ้ำง
          แรงงำนทั้งภำครัฐและเอกชน ดังนั้น กำรพิจำรณำรับหรือไม่รับบุคคลที่ได้รับกำรล้ำงมลทินเข้ำท�ำงำนยังคงต้องพิจำรณำ

          กฎหมำยหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องกับองค์กรนั้น ๆ ซึ่งในขั้นตอนนี้ยังไม่มีกฎหมำยที่วำงหลักห้ำมเลือกปฏิบัติด้วยเหตุ
          ประวัติอำชญำกรรมดังกล่ำวมำแล้วข้ำงต้น
                             จะเห็นได้ว่ำ กฎหมำยเหล่ำนี้ก�ำหนดขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เฉพำะ โดยไม่มีขอบเขตครอบคลุมถึง

          มิติของกำรจ้ำงแรงงำนโดยเฉพำะในส่วนของกำรพิจำรณำรับหรือไม่รับบุคคลที่มีประวัติอำชญำกรรมเข้ำท�ำงำน อันเป็น
          ผลสืบเนื่องจำกกำรได้รับโทษจ�ำคุก ดังนั้น จึงจ�ำต้องมีมำตรกำรทำงกฎหมำยอื่นมำรองรับหรือคุ้มครองบุคคลกลุ่มนี้

          โดยเฉพำะอย่ำงยิ่ง กฎหมำยเกี่ยวกับกำรห้ำมเลือกปฏิบัติในมิติของแรงงำนที่ครอบคลุมเหตุแห่งกำรเลือกปฏิบัติต่ำง ๆ
          รวมทั้ง “ประวัติอำชญำกรรม” ซึ่งในปัจจุบันไทยยังไม่มีกฎหมำยลักษณะนี้


               ๔.๑๐.๓ การเลือกปฏิบัติด้วยเหตุ “ประวัติอาชญากรรม” ในกรอบกฎหมายสิทธิมนุษยชนของไทย

                        ปัจจุบันกฎหมำยไทยไม่มีกฎหมำยสิทธิมนุษยชนที่วำงหลักห้ำมเลือกปฏิบัติในลักษณะของกฎหมำย

          กลำงที่มีขอบเขตครอบคลุมมิติต่ำง ๆ และเหตุแห่งกำรเลือกปฏิบัติต่ำง ๆ ดังเช่นกฎหมำยออสเตรเลีย อย่ำงไรก็ตำม
          ประเด็นกำรน�ำข้อมูลประวัติอำชญำกรรมของบุคคลมำปฏิบัติต่อบุคคลนั้นในลักษณะเป็นที่พึงพอใจน้อยกว่ำบุคคลอื่น
          ในมิติของกำรจ้ำงแรงงำนนั้นปรำกฏอยู่อย่ำงต่อเนื่อง โดยอำจจ�ำแนกเป็นกรณีกำรจ้ำงงำนในภำครัฐและภำคเอกชน









                 308  ระเบียบส�ำนักงำนต�ำรวจแห่งชำติ ว่ำด้วยประมวลระเบียบกำรต�ำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ ๓๒ กำรพิมพ์ลำยนิ้วมือ

          พ.ศ. ๒๕๕๔ บทที่ ๓ ข้อ ๔
                 309    ระเบียบส�ำนักงำนต�ำรวจแห่งชำติ ว่ำด้วยประมวลระเบียบกำรต�ำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ ๓๒ กำรพิมพ์ลำยนิ้วมือ
          พ.ศ. ๒๕๕๔ บทที่ ๔ ข้อ ๑
                 310   มำตรำ ๔ ก�ำหนดว่ำ “ให้ล้ำงมลทินให้แก่บรรดำผู้ต้องโทษในกรณีควำมผิดต่ำง ๆ ซึ่งได้กระท�ำก่อนหรือในวันที่ ๕ ธันวำคม
          พ.ศ. ๒๕๕๐ และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระรำชบัญญัตินี้ใช้บังคับ โดยให้ถือว่ำผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษในกรณีควำมผิดนั้น ๆ”





                                                         356
   352   353   354   355   356   357   358   359   360   361   362