Page 360 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 360
กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
ผู้ร้องเห็นว่ำนำยจ้ำงควรพิจำรณำจำกผลงำนกำรปฏิบัติงำนและควำมประพฤติของผู้ร้องเป็นหลัก ไม่ควรน�ำทะเบียน
ประวัติอำชญำกรรมในอดีตมำประกอบกำรพิจำรณำ เท่ำกับไม่ให้โอกำสผู้ที่เคยท�ำผิดได้กลับเป็นคนดีและประกอบอำชีพ
ที่มั่นคง ผู้ร้องมีควำมประสงค์ให้คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติตรวจสอบกำรกระท�ำอันไม่เป็นธรรมโดยกำรน�ำ
ทะเบียนประวัติอำชญำกรรมมำประกอบกำรพิจำรณำบรรจุพนักงำน
คณะอนุกรรมกำรด้ำนกฎหมำยและกำรปฏิบัติไม่เป็นธรรมพิจำรณำแล้ว มีประเด็นที่ต้อง
วินิจฉัย คือ กำรที่บริษัทเอกชนน�ำข้อมูลประวัติอำชญำกรรมมำประกอบกำรพิจำรณำรับบุคคลเข้ำท�ำงำนเป็นกำรกระท�ำ
หรือละเลยกำรกระท�ำอันเป็นกำรละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ คณะอนุกรรมกำรพิจำรณำแล้วเห็นว่ำ ตำมค�ำร้องผู้ร้องถูก
ปฏิเสธไม่รับเข้ำท�ำงำนเนื่องจำกเคยต้องโทษคดีอำญำที่ปรำกฏในทะเบียนอำชญำกรรม จำกกำรพิจำรณำตำมระเบียบ
ส�ำนักงำนต�ำรวจแห่งชำติ ว่ำด้วยประมวลระเบียบกำรต�ำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ ๑๒ กำรพิมพ์ลำยนิ้วมือ (ฉบับ
ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นระเบียบใหม่ กรณีของผู้ร้องก็ไม่เข้ำข่ำยที่จะได้รับกำรคัดแยกประวัติออกจำกสำรบบ และ
เมื่อพิจำรณำมำตรำ ๔ แห่งพระรำชบัญญัติล้ำงมลทินในวโรกำสที่พระบำทสมเด็จพระปรมินทรมหำภูมิพลอดุลยเดชมี
พระชนมพรรษำ ๘๐ พรรษำ พ.ศ. ๒๕๕๐ แล้วนั้น กรณีผู้ร้องแม้เป็นผู้ที่ได้รับกำรล้ำงมลทินตำมพระรำชบัญญัติ
ล้ำงมลทินฯ พ.ศ. ๒๕๕๐ ก็มีผลแต่เพียงว่ำผู้ร้องไม่เคยถูกลงโทษในข้อหำนั้น ๆ มำก่อนเท่ำนั้น
เนื่องจำกบริษัทเอกชนมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขกำรพิจำรณำรับบุคคลเข้ำท�ำงำน
แตกต่ำงกันไป โดยคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติเสนอแนะเชิงนโยบำยไปยังหน่วยงำนภำครัฐและรัฐวิสำหกิจให้
เปิดโอกำสให้บุคคลที่เคยรับโทษโดยค�ำพิพำกษำสำมำรถใช้สิทธิในกำรรับสมัครรับรำชกำรและสำมำรถกลับตัวเป็นคนดี
ต่อไป ควำมเห็นของคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติเห็นว่ำ กรณีตำมค�ำร้องเป็นหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของบริษัท
เอกชนในกำรรับสมัครบุคคลเข้ำท�ำงำนที่แตกต่ำงกันโดยพิจำรณำเป็นรำยกรณี อย่ำงไรก็ตำม แม้แต่ในหน่วยงำนภำครัฐ
และรัฐวิสำหกิจยังมีกำรพิจำรณำหลักเกณฑ์และเงื่อนไขกำรรับสมัครบุคคลเข้ำท�ำงำนแตกต่ำงกันไป โดยคณะกรรมกำร
สิทธิมนุษยชนแห่งชำติเสนอแนะเชิงนโยบำยไปยังหน่วยงำนภำครัฐและรัฐวิสำหกิจให้เปิดโอกำสให้บุคคลที่เคยรับโทษ
โดยค�ำพิพำกษำสำมำรถใช้สิทธิในกำรรับสมัครรับรำชกำรและสำมำรถกลับตัวเป็นคนดีเพื่อท�ำประโยชน์ให้กับสังคมและ
ประเทศชำติ และเพื่อให้เกิดควำมเป็นธรรมและมำตรฐำนเดียวกันต่อไป นอกจำกนี้ คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ
ยังมีกำรประชุมร่วมกับหน่วยงำนภำครัฐ เอกชน สมำคมต่ำง ๆ และภำคส่วนที่เกี่ยวข้องในกำรจัดน�ำร่องรับสมัครบุคคล
ที่เคยต้องโทษคดีถึงที่สุดเข้ำท�ำงำน เพื่อเป็นหลักประกันให้ผู้ประกอบกำร ในกำรรับบุคคลเคยต้องโทษเข้ำท�ำงำน
รวมทั้งกำรแก้ไขปัญหำอย่ำงเป็นรูปธรรม จำกกรณีบริษัทเอกชนไม่รับบรรจุบุคคลเข้ำท�ำงำนเพรำะเหตุมีทะเบียน
ประวัติอำชญำกรรม ไม่พบว่ำเป็นกำรละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือเป็นกำรเลือกปฏิบัติแต่อย่ำงใด จึงมีมติให้ยุติเรื่อง
๔.๑๐.๔ ข้อวิเคราะห์
ส่วนนี้จะได้วิเครำะห์ประเด็นทำงกฎหมำยที่เกี่ยวข้องกับกำรเลือกปฎิบัติด้วยเหตุประวัติอำชญำกรรม
ในมิติของกำรจ้ำงแรงงำน โดยจ�ำแนกเป็นประเด็นต่ำง ๆ ดังนี้
“ประวัติอาชญากรรม” ในฐานะ “เหตุแห่งการเลือกปฏิบัติ” และ “มิติของการเลือกปฏิบัติ”
ดังที่กล่ำวมำแล้วว่ำ กำรปฏิบัติที่แตกต่ำงกัน (Differential treatment) จะเป็นกำรเลือกปฏิบัติ
(Discrimination) ตำมกฎหมำยสิทธิมนุษยชนจะต้องมีควำมเกี่ยวพันกับ “เหตุแห่งการเลือกปฏิบัติ” (Ground of
Discrimination) ส�ำหรับกฎหมำยสิทธิมนุษยชนระหว่ำงประเทศนั้นโดยทั่วไปมิได้ก�ำหนด “ประวัติอำชญำกรรม”
เป็นเหตุแห่งกำรเลือกปฏิบัติโดยเฉพำะ ดังเช่น กติกำระหว่ำงประเทศว่ำด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทำงกำรเมือง ข้อ ๒๖
359