Page 331 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 331

ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ





                    247
          ของคนพิกำร  รวมทั้งให้เงินอุดหนุนและควำมช่วยเหลือเป็นพิเศษจำกรัฐแก่สถำนศึกษำทั้งของรัฐและเอกชนที่จัดกำร
                            248
          ศึกษำส�ำหรับคนพิกำร  จะเห็นได้ว่ำ มำตรกำรตำมกฎหมำยฉบับนี้ปฏิบัติต่อคนพิกำรในมิติของกำรศึกษำแตกต่ำงจำก
          บุคคลอื่น แต่กำรปฏิบัติแตกต่ำงกันนี้เป็นไปเพื่อท�ำให้คนพิกำรได้มีโอกำสในกำรศึกษำเท่ำเทียมกับบุคคลทั่วไป จึงจัด
          เป็นมำตรกำรยืนยันสิทธิเชิงบวก (Affirmative Action) ได้เช่นกัน
                       หำกเปรียบเทียบในมิติกำรศึกษำกับกฎหมำยสหรัฐอเมริกำที่น�ำมำวิเครำะห์ข้ำงต้นพบว่ำ มำตรกำรที่

          ให้สิทธิพิเศษ (Privilege) ส�ำหรับบุคคลบำงกลุ่มอำจจัดเป็นมำตรกำรพิเศษซึ่งเป็นข้อยกเว้นจำกกำรห้ำมเลือกปฏิบัติได้
          แต่ต้องอยู่ภำยใต้ขอบเขตที่ศำลก�ำหนดไว้ หำกเปรียบเทียบกับกรณีของไทย พบว่ำ หลักกำรตำมกฎหมำยเฉพำะที่เกี่ยว

          กับกำรศึกษำข้ำงต้นก็อำจจัดเป็นมำตรกำรยืนยันสิทธิเชิงบวกหรือมำตรกำรพิเศษได้เช่นกัน นอกจำกนี้ คณะกรรมกำร
          สิทธิมนุษยชนแห่งชำติเคยพิจำรณำว่ำ “..กำรก�ำหนดหลักเกณฑ์กำรรับนักเรียนสังกัดส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำร
          ศึกษำขั้นพื้นฐำนที่ก�ำหนดให้รับนักเรียนในเขตพื้นที่ไม่น้อยกว่ำร้อยละ ๕๐ ไม่เป็นกำรเลือกปฏิบัติและไม่กระทบ

          ต่อสิทธิของเด็กที่เข้ำศึกษำ ซึ่งกำรก�ำหนดรับนักเรียนโดยอำศัยเกณฑ์ทะเบียนรำษฎรเป็นหลักนั้นเป็นกำรรับรอง
          สิทธิ ไม่เป็นกำรจ�ำกัดสิทธิจึงไม่มีกำรเลือกปฏิบัติแต่อย่ำงใด ...” (รำยงำนผลกำรพิจำรณำ ที่ ๙๒๗-๙๒๘/๒๕๕๘)
          จะเห็นได้ว่ำ หำกพิจำรณำโดยทั่วไปแล้ว มำตรกำรดังกล่ำวเป็นกำรให้สิทธิพิเศษแก่นักเรียนที่อยู่ในเขตพื้นที่ จึงอำจ

          มองว่ำเป็นกำรปฏิบัติที่แตกต่ำงกันด้วยเหตุ “ถิ่นที่อยู่” อย่ำงไรก็ตำม มีประเด็นว่ำ เหตุเกี่ยวกับถิ่นที่อยู่ในควำมหมำย
          เชิงกำยภำพหรือพื้นที่เช่นนี้ จะถือเป็นเหตุแห่งกำรเลือกปฏิบัติในลักษณะเดียวกับ “เชื้อชำติ ถิ่นก�ำเนิด หรือสังคมดั้งเดิม”
          หรือไม่ นอกจำกนี้ อำจพิจำรณำได้ว่ำมำตรกำรดังกล่ำวเป็นไปเพื่อส่งเสริมให้นักเรียนในพื้นที่ได้มีโอกำสเรียนใกล้ที่อยู่

          อำศัย และเป็นประโยชน์อย่ำงหนึ่งซึ่งรัฐพึงคุ้มครองปกป้อง จึงเป็นมำตรกำรยืนยันสิทธิเชิงบวกที่ไม่เป็นกำรเลือกปฏิบัติ
                       ในกรณีกฎหมำยเฉพำะเกี่ยวกับเหตุแห่งกำรเลือกปฏิบัติกรณี “ควำมพิกำร” นั้นพบว่ำ พระรำชบัญญัติส่ง

          เสริมและพัฒนำคุณภำพชีวิตคนพิกำร พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นกฎหมำยที่รับรองสิทธิในกำรเข้ำถึงและใช้สิ่งอ�ำนวยควำมสะดวก
          สำธำรณะ สวัสดิกำรจำกรัฐ จึงมีลักษณะเป็นกฎหมำยที่ก�ำหนดมำตรกำรยืนยันสิทธิเชิงบวกให้กับคนพิกำร นอกจำกนี้
          ระเบียบของคณะกรรมกำรที่ออกตำมควำมในพระรำชบัญญัติดังกล่ำวยังได้วำงหลักเกี่ยวกับ “กำรช่วยเหลือที่สมเหตุ

                249
          สมผล”  ไว้ว่ำหมำยถึง “กำรเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงที่จ�ำเป็นและเหมำะสมโดยไม่ก่อให้เกิดภำระอันเกินควรหรือ
          เกินสัดส่วน เฉพำะในกรณีที่จ�ำเป็นเพื่อประกันว่ำคนพิกำรได้อุปโภคและใช้สิทธิมนุษยชนและเสรีภำพขั้นพื้นฐำนทั้งปวงที่

          เท่ำเทียมกับบุคคลอื่น” จะเห็นได้ว่ำ กำรช่วยเหลือที่สมเหตุสมผลนี้ สอดคล้องกับ “Reasonalbe Accommodation”
          ที่กฎหมำยสิทธิมนุษยชนระหว่ำงประเทศก�ำหนดให้รัฐมีพันธกรณีต้องจัดให้มีกำรช่วยเหลือดังกล่ำว
                       ในกรณีผู้สูงอำยุนั้น ประเทศไทยก็มีกฎหมำยเฉพำะ ได้แก่ พระรำชบัญญัติผู้สูงอำยุ พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่ง

          ก�ำหนดรับรองสิทธิในด้ำนต่ำง ๆ ของผู้สูงอำยุ จะเห็นได้ว่ำ กฎหมำยฉบับนี้อำจจัดเป็นมำตรกำรยืนยันสิทธิเชิงบวกโดย
          ปฏิบัติต่อผู้สูงอำยุเป็นพิเศษ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดควำมเท่ำเทียมกับบุคคลอื่น ๆ






                 247   พระรำชบัญญัติกำรจัดกำรศึกษำส�ำหรับคนพิกำร พ.ศ. ๒๕๕๑  มำตรำ ๘
                 248   พระรำชบัญญัติกำรจัดกำรศึกษำส�ำหรับคนพิกำร พ.ศ. ๒๕๕๑ มำตรำ ๗

                 249   ข้อ ๔. ระเบียบคณะกรรมกำรส่งเสริมและพัฒนำคุณภำพชีวิตคนพิกำรแห่งชำติว่ำด้วยหลักเกณฑ์ วิธีกำร และเงื่อนไข
          ในกำรร้องขอ กำรรวบรวมพยำนหลักฐำนกำรไกล่เกลี่ย กำรวินิจฉัย และค่ำตอบแทนของคณะอนุกรรมกำรหรือผู้ไกล่เกลี่ยเกี่ยวกับกำร
          กระท�ำในลักษณะที่เป็นกำรเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อคนพิกำร พ.ศ. ๒๕๕๖





                                                         330
   326   327   328   329   330   331   332   333   334   335   336