Page 287 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 287
ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ
หำกกำรเรียกร้องตำมกระบวนกำรนั้นได้รับกำรปฏิเสธ ตัวอย่ำงเช่น กรณีผู้ร้องอ้ำงว่ำตนและบุตรที่เกิดในประเทศไทย
มีบัตรประจ�ำตัวบุคคลที่ไม่มีสถำนะทำงทะเบียน ผู้ร้องต้องกำรให้บุตรมีสัญชำติไทยจึงร้องเรียนต่อคณะกรรมกำร
สิทธิมนุษยชนแห่งชำติ กรณีนี้คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติเห็นว่ำ “..หำกพบว่ำหน่วยงำนปฏิเสธไม่ด�ำเนิน
กำรหรือกระบวนกำรพิจำรณำล่ำช้ำ หรือปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตำมที่กฎหมำยก�ำหนด อันเป็นกำรกระท�ำหรือละเลยกำร
กระท�ำอันเป็นกำรละเมิดสิทธิมนุษยชน นำย ว. สำมำรถยื่นค�ำร้องต่อคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติด�ำเนิน
กำรตรวจสอบใหม่ได้..” (รำยงำนผลกำรพิจำรณำ ที่ ๙๕๒/๒๕๕๘)
กรณีผู้ร้องอ้ำงว่ำไม่ได้รับควำมเป็นธรรมจำกกำรปฏิบัติของโรงเรียนของรัฐแห่งหนึ่ง และครู
ประจ�ำชั้น กรณีนี้มีข้อเท็จจริงหลำยประเด็น เช่น กรณีบุตรสำวถูกเพื่อนชำยล่วงละเมิดทำงเพศในโรงเรียนและแจ้ง
ควำมด�ำเนินคดีแล้วแต่คดีควำมไม่คืบหน้ำ กรณีครูประจ�ำชั้น กล่ำวหำว่ำ บุตรสำว “เป็นโรคขำดผู้ชำยไม่ได้ ต้องน�ำ
ไปบ�ำบัด มีฮอร์โมนผิดปกติเพรำะเป็นผู้พิกำร” และถูกครูประจ�ำชั้นท�ำร้ำยร่ำงกำยโดยใช้ไม้ขนไก่ตี และกระชำกผม
เป็นต้น (ค�ำร้องที่ ๔๗๖/๒๕๕๖) แม้ว่ำในหลำยประเด็นคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติต้องยุติเรื่องเนื่องจำก
ผู้ร้องได้ร้องทุกข์และฟ้องเป็นคดีต่อศำลแล้ว จึงเป็นกรณีที่อยู่นอกเหนืออ�ำนำจของคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชน
แห่งชำติ (รำยงำนผลกำรพิจำรณำ ที่ ๔๙๔/๒๕๕๗) แต่ในส่วนของกำรที่ครูประจ�ำชั้นมีพฤติกรรมกล่ำวข้อควำม
และมีพฤติกรรมทำงกำยภำพต่อเด็กซึ่งเป็น “ผู้พิกำร” อำจเข้ำเหตุของกำรคุกคำม (Harassment) รวมทั้ง “Hate
Speech” ได้ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มกำรกระท�ำอันเป็นกำรเลือกปฏิบัติ (Discrimination) ในกรอบกฎหมำยสิทธิมนุษยชน
๔.๔.๙ การปฏิบัติที่แตกต่างกันอันไม่อยู่ในขอบเขตของ “การเลือกปฏิบัติ” กับอ�านาจของ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ส�ำหรับกรณีข้อเท็จจริงที่มีกำรกล่ำวอ้ำงถึงกำร “เลือกปฏิบัติ” นั้น แม้ว่ำเมื่อน�ำหลักกำรพิจำรณำตำม
แนวทำงกฎหมำยสิทธิมนุษยชนระหว่ำงประเทศมำวิเครำะห์แล้วพบว่ำไม่เกี่ยวข้องกับกำรเลือกปฏิบัติ เช่น ไม่เกี่ยวกับ
“เหตุแห่งกำรเลือกปฏิบัติ” หรือไม่ได้มีลักษณะของกำรปฏิบัติอันแตกต่ำงกันระหว่ำงบุคคลในสำระส�ำคัญที่เหมือนกัน
กรณีเหล่ำนี้ จึงไม่อำจถือได้ว่ำจัดเป็นกรณี “กำรเลือกปฏิบัติ” (Discrimination) ตำมกฎหมำยสิทธิมนุษยชน โดยบำง
กรณีเป็นเพียงกำร “ปฏิบัติที่แตกต่ำงกัน” (Differentiation หรือ Distinction) หรือบำงกรณีมีลักษณะเป็นกำรปฏิบัติ
ที่ไม่เป็นธรรม อันอำจเกี่ยวข้องกับบริบทกฎหมำยอื่น เช่น กฎหมำยปกครอง เป็นต้น
อย่ำงไรก็ตำม ส�ำหรับกรณีกำรปฏิบัติแตกต่ำงกันที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุแห่งกำรเลือกปฏิบัติตำมกฎหมำย
สิทธิมนุษยชนนั้น มีประเด็นพิจำรณำต่อไปว่ำ กรณีเหล่ำนั้นอยู่ในขอบเขตอ�ำนำจของคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชน
แห่งชำติหรือไม่ ในประเด็นนี้จะต้องพิจำรณำ พระรำชบัญญัติคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งมี
หลักกฎหมำยที่เกี่ยวข้อง คือ
286