Page 283 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 283

ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ







               ๔.๔.๗ การปฏิบัติที่แตกต่างกันซึ่งจัดอยู่ในขอบเขตของ “การเลือกปฏิบัติ”: ค�าร้องต่อคณะ
          กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ



                       จำกกำรศึกษำค�ำร้องต่อคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติในบทที่ ๒ พบว่ำมีหลำยกรณีที่ผู้ร้องอ้ำง
          ว่ำมีกำร “เลือกปฏิบัติ” เกิดขึ้น ซึ่งมักเป็นกรณีกำรน�ำข้อเท็จจริงสองข้อเท็จจริงมำเปรียบเทียบกันว่ำมีกำรปฏิบัติต่อ

          ข้อเท็จจริงดังกล่ำวแตกต่ำงกัน หำกพิจำรณำภำยใต้กรอบของกฎหมำยสิทธิมนุษยชนแล้ว กำรปฏิบัติแตกต่ำงกันดังกล่ำว
          อยู่ภำยใต้ขอบเขตกำรเลือกปฎิบัติ เช่น มีควำมเกี่ยวข้องกับ “เหตุแห่งกำรเลือกปฏิบัติ” ดังนี้ กำรปฏิบัติที่แตกต่ำงกัน

          นั้นก็จัดเป็น “กำรเลือกปฏิบัติ” ตำมกฎหมำยสิทธิมนุษยชน ตัวอย่ำงของค�ำร้องที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้มีดังต่อไปนี้


                        กรณีกำรสำบำนตนก่อนเบิกควำมตำมข้อควำมในแบบพิมพ์ของศำลซึ่งก�ำหนดไว้แตกต่ำงกัน

          คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติเคยมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบำยในภำพรวมต่อส�ำนักงำนศำลยุติธรรม ส�ำนักงำน
          ศำลปกครอง และกรมพระธรรมนูญ เพื่อพิจำรณำถึงรูปแบบและแนวทำงกำรปฏิบัติที่เป็นไปในทิศทำงเดียวกัน เพื่อให้เกิด

          ควำมเป็นระบบในทุกชั้นศำลและเพื่อควำมเป็นสำกล โดยควรที่จะเป็นกำรเฉพำะตัวของบุคคลที่กล่ำวค�ำสำบำน
          ซึ่งไม่ควรมีกำรอ้ำงถึงครอบครัวในทุกศำสนำ เพื่อให้สอดคล้องกับมำตรำ ๓๐ และ ๓๕ ของรัฐธรรมนูญแห่ง
          รำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๕๐ (รำยงำนผลกำรพิจำรณำ ที่ ๖๔๗/๒๕๕๕) กรณีนี้จะเห็นได้ว่ำ แบบพิมพ์ที่ก�ำหนด

          ไว้ส�ำหรับแต่ละศำสนำมีข้อควำมแตกต่ำงกัน โดยเฉพำะกำรพำดพิงผลร้ำยจำกกำรสำบำนไปยังครอบครัวซึ่งมีเฉพำะ
          บำงศำสนำ แต่ไม่ปรำกฏข้อควำมดังกล่ำวส�ำหรับบำงศำสนำ จึงเป็นควำมแตกต่ำงกันที่มีพื้นฐำนจำกเหตุ “ศำสนำ”
                        กรณีระเบียบคณะกรรมกำรปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ว่ำด้วยหลักเกณฑ์ วิธีกำร และเงื่อนไขใน

          กำรคัดเลือกเกษตรกร ซึ่งจะมีสิทธิได้รับที่ดินจำกกำรปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๖ (๔) ก�ำหนดไว้
          ว่ำ ว่ำผู้ที่มีสิทธิเข้ำท�ำประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก. จะต้องเป็น “ผู้มีร่ำงกำยสมบูรณ์” โดยเจ้ำหน้ำที่ส�ำนักงำนกำรปฎิรูป
          ที่ดินจังหวัด ก ตีควำมหมำยรวมถึงคนพิกำรทุกประเภท คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติเห็นว่ำ “…กำรตีควำม

          ดังกล่ำวเป็นกำรตีควำมอย่ำงแคบ ท�ำให้ผู้ร้องถูกจ�ำกัดสิทธิและเสียสิทธิในกำรเข้ำท�ำประโยชน์ในเขตปฎิรูปที่ดิน…”
          (รำยงำนผลกำรพิจำรณำ ที่ ๒/๒๕๕๕) กรณีนี้จะเห็นได้ว่ำ ระเบียบและกำรตีควำมระเบียบดังกล่ำว เป็นกำรปฏิบัติต่อ

          บุคคลแตกต่ำงกันด้วยเหตุแห่งควำมพิกำรทำงกำย
                        ระเบียบกองทัพบกว่ำด้วยดุริยำงค์ทหำรบก พ.ศ. ๒๕๕๓ ตำมผนวกข้อ ๓ เกี่ยวกับบัญชีโรคหรือ
          ควำมผิดปกติหรือควำมพิกำรซึ่งขัดต่อกำรเป็นนักเรียนดุริยำงค์ทหำรบก ข้อย่อย ๓.๑.๑.๓ ซึ่งระบุว่ำ “แผลเป็นหรือ

          ปำนที่หน้ำมีเนื้อที่ตั้งแต่ ๑.๕ ตำรำงนิ้วขึ้นไป หรือมีควำมยำวมำกจนดูหน้ำเกลียด” คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชน
          แห่งชำติเห็นว่ำ เป็นระเบียบที่อำจท�ำให้เกิดกำรเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม (รำยงำนผลกำรพิจำรณำ ที่ ๑๙๔/๒๕๕๗) กรณีนี้

          จะเห็นได้ว่ำ เป็นกำรปฏิบัติแตกต่ำงกันต่อบุคคลด้วยเหตุ “สภำพร่ำงกำย” อันระบุไว้เฉพำะในรัฐธรรมนุญแห่งรำช
          อำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๕๐
                        กรณีกำรก�ำหนด “ประวัติอำชญำกรรม” มำเป็นข้อจ�ำกัดในกำรประกอบอำชีพ ซึ่งแบ่งเป็นกรณีข้อ

          จ�ำกัดในกำรท�ำงำนภำครัฐ และภำคเอกชน ซึ่งคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติเคยพิจำรณำแล้วเห็นว่ำไม่เป็นกำร
          เลือกปฏิบัติ กล่ำวคือ กรณีภำครัฐนั้น ผลกำรพิจำรณำเห็นว่ำ “กฎหมำยกลุ่มที่ก�ำหนดให้กำรต้องค�ำพิพำกษำถึงที่สุดให้
          จ�ำคุกเป็นคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ำมในกำรเข้ำรับรำชกำร โดยไม่มีกำรก�ำหนดข้อยกเว้นให้มีกำรใช้ดุลพินิจยกเว้น






                                                        282
   278   279   280   281   282   283   284   285   286   287   288