Page 279 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 279
ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ
ต้องปฏิบัติตำมพันธกรณีที่ระบุไว้ในอนุสัญญำดังกล่ำว ตั้งแต่วันที่ ๒๘ สิงหำคม ๒๕๕๑ เป็นต้นมำ นอกจำกนี้
ยังมีข้อสังเกตว่ำ ศำลน�ำปัจจัยเกี่ยวกับควำมจ�ำเป็นและลักษณะของงำนที่พิพำทมำประกอบกำรวินิจฉัยด้วย ซึ่ง
หำกตำมลักษณะของงำนดังกล่ำวมีควำมจ�ำเป็นที่จะต้องก�ำหนดคุณสมบัติบุคคลให้แตกต่ำงกัน ก็อำจเข้ำข้อยกเว้น
ของหลักห้ำมเลือกปฏิบัติ ซึ่งตำมกฎหมำยสิทธิมนุษยชนระหว่ำงประเทศและกฎหมำยต่ำงประเทศก็มีกำรก�ำหนด
147
ข้อยกเว้นกรณีคุณสมบัติที่จ�ำเป็นของงำนไว้ (Genuine Occupational Requirement) อย่ำงไรก็ตำม
ในกรณีนี้ศำลเห็นว่ำควำมพิกำรมิได้เป็นอุปสรรคต่อต�ำแหน่งงำนข้ำรำชกำรตุลำกำรแต่อย่ำงใด จำกกำรศึกษำคดี
ทั้ง ๓ ข้ำงต้นจะเห็นได้ว่ำ เป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับกำรเลือกปฏิบัติในบริบทของรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับ “เหตุแห่ง
กำรเลือกปฏิบัติ” ตำมกฎหมำยสิทธิมนุษยชน
๔.๔.๖ การเลือกปฏิบัติที่กว้างกว่า “เหตุแห่งการเลือกปฏิบัติ”: คดีของศาลรัฐธรรมนูญ
จำกคดีที่ขึ้นสู่กำรพิจำรณำของศำลรัฐธรรมนูญ พบว่ำมีหลำยคดีที่มีประเด็นกล่ำวอ้ำงว่ำกฎหมำยบำง
ฉบับเป็นกำรเลือกปฏิบัติหรือก่อให้เกิดภำระหน้ำที่ต่อบุคคลที่ไม่เท่ำเทียมกันอันขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งหำกเปรียบเทียบ
หลักกำรและข้อเท็จจริงแล้ว พบว่ำ อำจเป็นกรณีกฎหมำยที่พิพำทส่งผลให้เกิดควำม “แตกต่ำงกัน” แต่ไม่เกี่ยวข้องกับ
“เหตุแห่งกำรเลือกปฏิบัติ” หรืออำจเป็นกรณีกฎหมำยที่พิพำทนั้นส่งผลให้เกิดควำม “แตกต่ำงกัน” แต่มีเหตุผลอันสมควร
ประกำรอื่นที่ศำลน�ำมำพิจำรณำตัดสินว่ำไม่เป็นกำรเลือกปฏิบัติอันขัดต่อรัฐธรรมนูญ ดังจะได้จ�ำแนกวิเครำะห์ต่อไปนี้
กำรอ้ำงว่ำกฎหมำยบำงฉบับสร้ำงควำมไม่เท่ำเทียมกันและเป็นกำรเลือกปฏิบัติ โดยที่ไม่เกี่ยวข้อง
กับเหตุแห่งกำรเลือกปฏิบัติ เช่น
คดีที่ผู้ร้องอ้ำงว่ำกำรก�ำหนดเงื่อนไขเพื่อก่อให้เกิดสิทธิประโยชน์และกำรก�ำหนดเงื่อนไข
เวลำขอใช้สิทธิประโยชน์หรือกำรสิ้นสิทธิประโยชน์ตำมพระรำชบัญญัติประกันสังคมฯ มำตรำ ๕๖ วรรคหนึ่ง และ
มำตรำ ๖๕ วรรคหนึ่ง ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มำตรำ ๒๙ และมำตรำ ๓๐ ศำลรัฐธรรมนูญพิจำรณำแล้วเห็นว่ำ
...กำรก�ำหนดระยะเวลำยื่นค�ำร้องขอรับประโยชน์ทดแทนภำยในหนึ่งปีก็มีผลใช้บังคับกับลูกจ้ำงทุกคน... เงื่อนไข
ดังกล่ำวไม่กระทบกระเทือนสำระส�ำคัญแห่งสิทธิและเสรีภำพของบุคคล และมีผลใช้บังคับเป็นกำรทั่วไป มิได้
มุ่งหมำยให้ใช้บังคับแก่กรณีใดกรณีหนึ่ง หรือแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นกำรเจำะจง และไม่ถือเป็นกำรเลือกปฏิบัติ
โดยไม่เป็นธรรมตำมรัฐธรรมนูญ มำตรำ ๒๙ และ ๓๐ (ค�ำวินิจฉัยศำลรัฐธรรมนูญที่ ๓/๒๕๔๖)
คดีที่ผู้ร้องอ้ำงว่ำ ประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง มำตรำ ๒๓๖ ขัดต่อหลักควำม
เท่ำเทียมกันตำมรัฐธรรมนูญนั้น ศำลรัฐธรรมนูญเห็นว่ำ กฎหมำยดังกล่ำวเป็นบทบัญญัติให้สิทธิแก่คู่ควำมยื่นค�ำร้อง
อุทธรณ์ค�ำสั่งของศำลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์ต่อศำลอุทธรณ์ หำกเห็นว่ำค�ำสั่งของศำลชั้นต้นไม่ชอบด้วย
กฎหมำย จึงเป็นบทบัญญัติที่บังคับใช้โดยทั่วไป (ค�ำวินิจฉัยศำลรัฐธรรมนูญที่ ๑๐/๒๕๔๙)
147 เช่น Article 4 (1) EU Framework Directive ก�ำหนดว่ำกำรปฏิบัติที่แตกต่ำงกันด้วยเหตุแห่งกำรเลือกปฏิบัติไม่ถือ
เป็นกำรเลือกปฏิบัติหำกมีเหตุผลเกี่ยวกับควำมจ�ำเป็นตำมลักษณะเฉพำะของงำนนั้น
278