Page 271 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 271

ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ





                       จำกคดีนี้จะเห็นได้ว่ำ ลูกจ้างทั้งสามกลุ่มมีลักษณะ “เหมือนกัน” กล่าวคือ สมัครเป็นสมาชิกกองทุน
          ส�ารองเลี้ยงชีพที่มีอายุไม่ต�่ากว่าห้าสิบปีบริบูรณ์ โดยได้ท�างานกับนายจ้างมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปีและได้ออกจากงาน
          เพราะเกษียณอายุก่อนการเป็นสมาชิกกองทุนส�ารองเลี้ยงชีพครบห้าปีเหมือนกัน แต่ได้รับกำรปฏิบัติที่แตกต่ำงกันเพียง

          เพรำะเหตุแห่งช่วงเวลำที่ลูกจ้ำงแต่ละกลุ่มสมัครเป็นสมำชิกกองทุนส�ำรองเลี้ยงชีพ ศำลจึงเห็นว่ำเป็นกำรเลือกปฏิบัติ
          ซึ่งกรณีนี้กำรเลือกปฏิบัติเกิดจำกเหตุอื่นที่มิใช่เหตุแห่งกำรเลือกปฏิบัติเกี่ยวกับเชื้อชำติ ศำสนำ เพศ ฯลฯ
                       ส�ำหรับบำงคดีที่มีประเด็นกำรก�ำหนดเงินค่ำทดแทนที่ดินแก่ผู้ถูกเวนคืนแตกต่ำงกัน ปัจจัยที่น�ำมำ

          เปรียบเทียบ คือ ที่ดินที่อยู่ติดซอยส่วนบุคคลเช่นเดียวกันและมีสภำพที่ดินคล้ำยกับที่ดินของผู้ฟ้องคดี ซึ่งคณะกรรมกำร
          ก�ำหนดค่ำทดแทนมำกกว่ำที่ดินของผู้ฟ้องคดี ศำลปกครองให้ผู้ถูกฟ้องคดีวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีใหม่ในรำคำ

          ที่เป็นธรรมใกล้เคียงกับที่ดินที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน (ค�ำพิพำกษำศำลปกครองกลำงที่ ๑๒๗๒/๒๕๔๕) จะเห็นได้ว่ำเป็น
          กรณีข้อเท็จจริงที่เหมือนกัน (ที่ดินสภำพเดียวกัน) แต่ได้รับกำรปฏิบัติที่แตกต่ำงกัน (ก�ำหนดค่ำทดแทนแตกต่ำงกัน)
          จึงเป็นกำรปฏิบัติที่แตกต่ำงกัน แม้ว่ำไม่เกี่ยวข้องกับเหตุแห่งกำรเลือกปฏิบัติ เช่น เพศ เชื้อชำติ ศำสนำ ฯลฯ แต่ศำลก็

          วินิจฉัยว่ำเป็นกำรเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม
                       เช่นเดียวกับคดีที่มีประเด็นกำรแบ่งรำษฎรที่ครอบครองที่ดินบริเวณที่ที่จะเวนคืนออกเป็นสองกลุ่ม

          กลุ่มแรกเป็นกลุ่มที่ร่วมเรียกร้องกับสมัชชำคนจน จ�ำนวน ๓๘ รำย ส่วนกลุ่มที่สองเป็นกลุ่มที่ไม่ได้ร่วมเรียกร้องกับ
          สมัชชำคนจนและยินยอมให้ด�ำเนินกำรก่อสร้ำงทำงหลวงได้ก่อน จ�ำนวน ๑๖ รำย ซึ่งผู้ฟ้องคดีอยู่ในกลุ่มดังกล่ำว และได้
          มีกำรพิจำรณำก�ำหนดค่ำทดแทนให้แก่รำษฎรทั้งสองกลุ่ม ผู้ฟ้องคดีเห็นว่ำกำรก�ำหนดค่ำทดแทนไม่ชอบ เนื่องจำกที่ดิน

          ของผู้ฟ้องคดีซึ่งตั้งอยู่ติดต่อกับที่ดินของผู้ที่อยู่ในกลุ่มแรก แต่ที่ดินแปลงดังกล่ำวกลับได้รับค่ำทดแทนในอัตรำที่สูงกว่ำ
          ศำลปกครองอ้ำงหลักควำมเสมอภำคตำมรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๔๐ อันมีหลักว่ำจะต้อง
          ปฏิบัติต่อสิ่งที่มีสำระส�ำคัญเหมือนกันอย่ำงเท่ำเทียมกัน และจะต้องปฏิบัติต่อสิ่งที่มีสำระส�ำคัญที่แตกต่ำงกันให้แตกต่ำง

          กันไป ส�ำหรับกรณีนี้สำระส�ำคัญที่เหมือนกัน คือ ผู้ครอบครองที่ดินทั้ง ๕๔ รำยที่ถูกเวนคืนที่ดิน ซึ่งได้โต้แย้งกรรมสิทธิ์
          และยังไม่ได้มีกำรพิสูจน์สิทธิตำมหลักเกณฑ์ของคณะกรรมกำรแก้ไขปัญหำกำรบุกรุกที่ดินของรัฐ (กบร.) กำรที่ผู้ถูกฟ้อง
          คดีแบ่งเกณฑ์กำรก�ำหนดค่ำทดแทนเป็นสองกลุ่มเป็นกำรปฏิบัติต่อสิ่งที่มีสำระส�ำคัญเหมือนกันให้แตกต่ำงกัน ซึ่งขัดกับ

          หลักควำมเสมอภำคตำมรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๔๐ จึงมิชอบด้วยกฎหมำยและไม่เป็นธรรม
          (ค�ำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุดที่ อ.๒๒/๒๕๕๑)

                       จำกคดีที่เกี่ยวข้องกับกำรเวนคืนดังกล่ำวจะเห็นได้ว่ำ ผู้ฟ้องคดีอ้ำงว่ำมีกำรเลือกปฏิบัติเนื่องจำก
          บุคคลที่อยู่ในสถำนะเหมือนกันหรือที่ดินที่อยู่ในสภำพเหมือนกัน แต่ได้รับค่ำทดแทนที่แตกต่ำงกัน โดยศำลน�ำหลัก
          ควำมเท่ำเทียมกันตำมรัฐธรรมนูญมำปรับใช้และตัดสินว่ำเป็นกำรเลือกปฏิบัติที่ขัดต่อหลักควำมเสมอภำค จะเห็นได้

          ว่ำกำรเลือกปฏิบัติในกรณีนี้มิได้เกี่ยวข้องกับเหตุแห่งกำรเลือกปฏิบัติตำมกฎหมำยสิทธิมนุษยชน
                       ในคดีปกครองมักจะมีกรณีที่ผู้ฟ้องคดีอ้ำงว่ำตนถูกเลือกปฏิบัติเนื่องจำกถูกด�ำเนินกำรตำมกฎหมำย

          ในขณะที่เปรียบเทียบกับบุคคลอื่นที่อยู่ในสภำพเช่นเดียวกันกลับไม่ถูกด�ำเนินคดี ในประเด็นนี้ศำลปกครองตัดสินว่ำ
          “กำรที่จะถือได้ว่ำเป็นกำรเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม ต้องเป็นกรณีที่ผู้ถูกปฏิบัติมีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมำยแล้วไม่ได้
          รับสิทธินั้น เพรำะกำรเลือกปฏิบัติหำใช่เป็นกรณีที่ไม่มีสิทธิตำมกฎหมำย แล้วอ้ำงว่ำมีบุคคลอื่นฝ่ำฝืนกฎหมำยด้วยกัน

          ยังไม่ถูกด�ำเนินกำรเป็นกำรเลือกปฏิบัติไม่เป็นธรรม ดังนั้น กำรที่ผู้ถูกฟ้องคดีไม่อนุญำตให้ผู้ฟ้องคดีก่อสร้ำงอำคำรตำม
          ค�ำขอและมีค�ำสั่งให้รื้อถอนอำคำร เป็นกำรกระท�ำที่ชอบด้วยกฎหมำย” (ค�ำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๓/๒๕๔๙)
           เช่นเดียวกับคดีที่มีประเด็นว่ำ ค�ำสั่งที่ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้ำงออกจำกเขตทำงหลวงเป็นค�ำสั่งที่เลือกปฏิบัติ ศำลวินิจฉัย






                                                        270
   266   267   268   269   270   271   272   273   274   275   276