Page 82 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง พันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประชาคมอาเซียน
P. 82
รายงานการศึกษาวิจัย
โครงการการศึกษาวิจัย เรื่อง พันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประชาคมอาเซียน
7.1 มุมมองและข้อเสนอแนะต่อการปฏิรูปสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย
รัฐถือเป็นองค์กรที่มีบทบาทส าคัญที่สุดในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (นอกจากการ
ที่อาจเป็นผู้ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนได้อย่างรุนแรงที่สุด) ในเอกสารขอบเขตหน้าที่ของ AICHR รับรอง
หลักการที่ว่า ความรับผิดชอบพื้นฐานในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน
ตกอยู่กับรัฐสมาชิกอาเซียน ในระดับประเทศมีข้อเสนอที่ประเทศไทยควรด าเนินการเพื่อส่งเสริมบทบาท
58
ในด้านสิทธิมนุษยชนอย่างน้อยในสามประเด็นหลักต่อไปนี้
7.1.1 การเข้าเป็นภาคีในสนธิสัญญาระหว่างประเทศในด้านสิทธิมนุษยชนและการ
อนุวัติการตามพันธกรณีอย่างมีประสิทธิภาพ
การที่ประเทศไทยจะแสดงบทบาทผู้น าในด้านสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคอาเซียนได้อย่างมี
ประสิทธิภาพย่อมขึ้นอยู่กับตัวอย่างที่ได้แสดงให้ประเทศสมาชิกอื่นได้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม ประเด็นการ
ยกระดับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคที่ส าคัญอย่างยิ่งประการหนึ่งคือการกระตุ้นให้ประเทศสมาชิก
เข้าร่วมเป็นภาคีในตราสารสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ในบรรดาตราสารสิทธิมนุษยชนหลักจ านวน 9 ฉบับ ยังมีสอง
ฉบับที่ประเทศไทยยังไม่ได้ให้สัตยาบันได้แก่ 1) อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของแรงงานโยกย้ายถิ่น
ฐานและสมาชิกในครอบครัว 2) อนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันบุคคลจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ
ซึ่งอนุสัญญาว่าด้วยการปัองกันบุคคลจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ ประเทศไทยได้ลงนามแล้ว (เมื่อ
วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555) แต่ยังไม่ได้ให้สัตยาบัน หากประเทศไทยต้องการแสดงบทบาทในการยกระดับ
มาตรฐานสิทธิมนุษยชนในอาเซียนย่อมต้องริเริ่มโดยการแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่าง จากตารางที่ 8 ยังปรากฏ
ว่าจุดร่วมของประเทศสมาชิกอาเซียนในการเป็นภาคีตราสารด้านสิทธิมนุษยชนยังมีเพียงสองฉบับคือ
อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (CRC) และการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีทุกรูปแบบ (CEDAW) โดยสมาชิก
อาเซียนบางประเทศเข้าเป็นภาคีในตราสารด้านสิทธิมนุษยชนเพียง 3 ฉบับเท่านั้น นอกจากนั้น ยังต้อง
พิจารณาการเข้าเป็นภาคีในพิธีสารเลือกรับ (Optional protocol) ของตราสารแต่ละฉบับประกอบด้วย
ประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าแสดงความจริงจังและก้าวหน้าในการคุ้มครองสิทธิเด็ก โดยได้เป็นประเทศ
แรก (และปัจจุบันยังเป็นประเทศเดียว) ในอาเซียนที่เข้าเป็นภาคีพิธีสารเลือกรับฉบับที่ 3 ของอนุสัญญาว่า
ด้วยสิทธิเด็ก ซึ่งก าหนดกระบวนการร้องเรียนประเทศสมาชิกที่ไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีจากอนุสัญญา
ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยก็ยังมิได้เข้าเป็นภาคีในพิธีสารเลือกรับตามอนุสัญญาอื่นๆ เช่น
อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ (CRPD) ทั้งที่ก าหนดกระบวนการร้องเรียนการไม่ปฏิบัติตามอนุสัญญาของ
ประเทศสมาชิก เช่นเดียวกับพิธีสารเลือกรับฉบับที่ 3 ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กเช่นเดียวกัน
ประเด็นที่เกี่ยวข้องกันคือการถอนข้อสงวนหรือแถลงการณ์ที่มีผลเป็นการจ ากัดขอบเขต
พันธกรณีตามตราสารสิทธิมนุษยชน การที่ประเทศสมาชิกเข้าเป็นภาคีตราสารสิทธิมนุษยชนมิได้
หมายความว่า จะก่อให้เกิดพันธกรณีตามที่ก าหนดไว้ในตราสารนั้นอย่างเต็มรูปแบบหากประเทศดังกล่าว
มีข้อสงวน (Reservation) หรือยื่นค าแถลงการณ์ซึ่งจะท าให้ขอบเขตการบังคับใช้ตราสารที่เข้าเป็นภาคี
จ ากัดลง โดยจากข้อมูลที่ปรากฏเป็นตัวอย่างในตารางที่ 8 แสดงให้เห็นว่า แม้แต่ในอนุสัญญาด้านเด็กและ
สตรี ซึ่งประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งสิบประเทศได้เข้าเป็นภาคีแล้ว ก็ยังมีขอบเขตการปฏิบัติการที่แตกต่าง
58 เอกสารขอบเขตอ านาจหน้าที่ของ AICHR ข้อ 2.3
National Human Rights Commission of Thailand 71