Page 78 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง พันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประชาคมอาเซียน
P. 78

รายงานการศึกษาวิจัย
                   โครงการการศึกษาวิจัย เรื่อง พันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประชาคมอาเซียน


                  ร่วมกันระหว่างผู้แทนในคณะกรรมาธิการเกี่ยวกับการเปิดโอกาสให้องค์กรภาคประชาสังคมมีส่วนรับรู้ข้อมูล
                  และแสดงความคิดเห็นเพื่อสร้างความเป็นเจ้าของ (Ownership) ในกระบวนการและผลผลิตที่จะเกิดขึ้น


                                    โดยสรุป การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคอาเซียน มีพัฒนาการที่ดี
                  ขึ้นเป็นล าดับ นับตั้งแต่มีการจัดตั้งประชาคมอาเซียนและคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วย
                  สิทธิมนุษยชน แต่ยังมีความท้าทายอีกหลายประการที่ต้องได้รับการจัดการร่วมกันอย่างเป็นระบบและ
                  จริงจังจากประเทศสมาชิกและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบในปี

                  พ.ศ. 2558 เป็นระยะเวลาที่จะพิสูจน์ว่ากลไกสิทธิมนุษยชนของอาเซียนจะสามารถพัฒนาได้อย่างมี
                  มาตรฐานทัดเทียมกับภูมิภาคอื่นๆ หรือไม่ โดยจะเป็นระยะเวลาที่มีการปรับปรุงเอกสารขอบเขตอ านาจ
                  หน้าที่ของคณะกรรมาธิการตลอดจนกฎบัตรของอาเซียนซึ่งเป็นความหวังของประชาชนอาเซียนว่าจะเป็น

                  เสาหลักที่จะท าให้สิทธิมนุษยชนของประชาชนอาเซียนได้รับการส่งเสริมและคุ้มครองที่มีประสิทธิภาพอย่าง
                  แท้จริง

                       6.3 การพัฒนาตราสารด้านสิทธิมนุษยชน

                            ปฏิญญาสิทธิมนุษยชนอาเซียน (AHRD) เป็นตราสารระดับภูมิภาคที่แสดงให้เห็นถึงเจตจ านง
                  ทางการเมืองของรัฐสมาชิกอาเซียนในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนต่างๆ และจะถูกใช้เป็น
                  เอกสารอ้างอิงในการพัฒนาตราสารสิทธิมนุษยชนอื่นๆ ของอาเซียน ทั้งที่เป็นตราสารทางการเมือง เช่น

                  ปฏิญญาหรือแผนงานระดับภูมิภาค (Regional Plan of Action) และที่เป็นตราสารทางกฎหมาย เช่น
                  อนุสัญญา โดยทิศทางเริ่มมีความเป็นรูปธรรมมากขึ้นเมื่อผู้น าอาเซียนรับรองอนุสัญญาอาเซียนต่อต้าน
                  การค้ามนุษย์โดยเฉพาะสตรีและเด็ก (ASEAN Convention against Trafficking, Especially Women
                  and Children) ซึ่งผ่านการเจรจาโดยที่ประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านอาชญากรรมข้ามชาติ (Senior

                  Official Meeting on Transnational Crimes: SOMTC) ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ก่อนที่จะเริ่ม
                  เปิดประชาคมอาเซียนในปลายปีเดียวกัน

                            แนวทางการพัฒนาตราสารสิทธิมนุษยชนในด้านอื่นๆ จะอาศัยกลไกสิทธิมนุษยชนของอาเซียน

                  ในการด าเนินการ โดยหัวข้อที่อยู่ระหว่างการด าเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 คือการพัฒนาอนุสัญญา
                  อาเซียนว่าด้วยแรงงานข้ามชาติที่อยู่ระหว่างการยกร่างและเจรจาโดยคณะกรรมการอาเซียนว่าด้วย
                  การอนุวัติการตามปฏิญญาการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิแรงงานข้ามชาติ (ACMW) ซึ่งปฏิญญาดังกล่าวได้
                  ก าหนดหลักการคุ้มครองแรงงานข้ามชาติในอาเซียนไว้แล้ว แต่โดยที่มีสถานะเป็นเพียงพันธกรณีทาง

                  การเมือง จึงขาดกลไกที่จะท าให้เกิดผลผูกพันในการอนุวัติการในระดับประเทศสมาชิก ทั้งนี้ ประเด็นที่ท า
                  ให้การเจรจาอนุสัญญาดังกล่าวมีความล่าช้าคือ ท่าทีของประเทศสมาชิกต่อการให้ความคุ้มครองแรงงาน
                  ข้ามชาติในประเทศของตน ซึ่งแบ่งกลุ่มประเทศสมาชิกออกได้เป็นสามกลุ่ม คือ กลุ่มประเทศสมาชิกที่เป็น

                  ผู้ส่งแรงงานข้ามชาติ (Sending countries) เช่น อินโดนีเซีย เมียนมาร์และฟิลิปปินส์ กลุ่มประเทศผู้รับ
                  แรงงานข้ามชาติ (Receiving countries) เช่น บรูไน มาเลเซีย และสิงคโปร์ และกลุ่มประเทศที่เป็นทั้งผู้รับ
                  และผู้ส่ง เช่น ประเทศไทย จึงท าให้เห็นว่า แม้จะมีการแสดงออกร่วมกันทางการเมืองในระดับภูมิภาคใน
                  ประเด็นสิทธิมนุษยชนใดๆ แล้ว การจะท าให้พันธกรณีดังกล่าวมีผลผูกพันทางกฎหมายยังต้องใช้เวลาและ
                  ความเข้าใจร่วมกันอีกมาก





                  National Human Rights Commission of Thailand                                          67
   73   74   75   76   77   78   79   80   81   82   83