Page 74 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง พันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประชาคมอาเซียน
P. 74

รายงานการศึกษาวิจัย
                   โครงการการศึกษาวิจัย เรื่อง พันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประชาคมอาเซียน


                  ที่มาจากภาคส่วนอื่นเช่น นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน (ในกรณีอินโดนีเซีย) หรือนักกฎหมายที่มิได้มี
                  สถานะเป็นข้าราชการ (ในกรณีประเทศไทย)


                                    2) มีข้อก าหนดหลายประการในเอกสารขอบเขตอ านาจหน้าที่ ที่น ามาสู่การตีความที่
                  แตกต่างกันเกี่ยวกับกรอบการท างานและสถานะของผู้แทน โดยในประการแรก ผู้แทนจะต้องปฏิบัติหน้าที่
                  อย่างเป็นกลาง (Impartially) ตามกฎบัตรอาเซียนและเอกสารขอบเขตอ านาจหน้าที่  ในขณะที่ยังมี
                  ข้อก าหนดอีกข้อหนึ่งที่ก าหนดให้ผู้แทนมีความรับผิดชอบ (Accountable) ต่อรัฐบาลที่แต่งตั้ง  และแม้ว่า

                  ผู้แทนจะมีวาระการด ารงต าแหน่งที่แน่นอนคือ 3 ปี แต่รัฐบาลประเทศที่แต่งตั้งอาจเปลี่ยนผู้แทนได้ตามที่
                  เห็นสมควร  ข้อก าหนดที่มีความแตกต่างกันดังกล่าวท าให้เกิดการตีความสองทาง ในทางหนึ่ง ผู้แทนใน
                  AICHR ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นกลางซึ่งหมายถึงความเป็นอิสระในการท างานและให้ความเห็นเกี่ยวกับ

                  ประเด็นสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นเอกเทศ ในอีกทางหนึ่ง มีการให้ความเห็นว่า ผู้แทน AICHR มีความ
                  รับผิดชอบต่อรัฐบาลที่แต่งตั้งซึ่งหมายถึงการขอรับนโยบายและรายงานการท างานต่อรัฐบาล (ซึ่งมีอ านาจ
                  ถอดถอนผู้แทนก่อนครบวาระ) ซึ่งความแตกต่างนี้ประกอบกับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานะของผู้แทนที่ได้
                  กล่าวถึงข้างต้นที่ว่าผู้แทนส่วนใหญ่มีสถานะเป็นข้าราชการหรืออดีตข้าราชการของกระทรวงการ
                  ต่างประเทศของประเทศสมาชิก ท าให้ความคิดเห็นส่วนใหญ่เป็นไปในทางที่ว่า ผู้แทน AICHR มีสถานะเป็น

                  ผู้แทนรัฐบาลซึ่งท าให้การท างานเกี่ยวกับประเด็นสิทธิมนุษยชนที่มีความอ่อนไหวหรือจะกระทบต่อชื่อเสียง
                  ของประเทศ จึงท าให้กระบวนการตัดสินใจและแนวทางการด าเนินงานของของผู้แทนทั้งสองกลุ่มมี
                  ความแตกต่างกัน


                                  3. กระบวนการตัดสินใจ
                                    AICHR มีกระบวนการตัดสินใจโดยอาศัยการปรึกษาหารือ (Consultation) และยึด
                  หลักฉันทามติ (Consensus) ตามที่ระบุไว้ในเอกสารขอบเขตอ านาจหน้าที่ข้อ 6.1 อย่างไรก็ตาม

                  กระบวนการตัดสินใจที่ใช้ในปัจจุบันได้กลายเป็นอุปสรรคหนึ่งของการด าเนินงานของ AICHR โดยเฉพาะ
                  การยึดหลักฉันทามติที่ต้องอาศัยความเห็นพ้องต้องกันของผู้แทนคณะกรรมาธิการทั้ง 10 คนเพื่อผ่านวาระ
                  หนึ่งๆ ปัญหาหลักของการยึดหลักการนี้คือการยากที่จะได้ความเห็นพ้องต้องกันจากผู้แทนทั้งหมดเนื่องจาก
                  ความแตกต่างทั้งมุมมองและทัศนคติด้านสิทธิมนุษยชนของผู้แทนแต่ละคน การปฏิบัติภารกิจบางอย่างจึง

                  เกิดความล้าช้าหรือไม่สามารถปฏิบัติได้หากผู้แทนคนใดคนหนึ่งไม่เห็นชอบด้วย ซึ่งท าให้การขับเคลื่อน
                  ประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน โดยการหยิบยกขึ้นพิจารณาหรือการพัฒนามาตรฐานสิทธิมนุษยชนของภูมิภาค
                  ด าเนินการด้วยความยากล าบากและในบางประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประเทศสมาชิกประเทศหนึ่งประเทศใด
                  การหารือในประเด็นดังกล่าวจะไม่สามารถกระท าได้หากประเทศสมาชิกที่เกี่ยวข้องโต้แย้ง ซึ่งประชาคม

                  อาเซียนประสบกับมาตรฐานที่ต่ าสุดที่จะไม่มีประเทศสมาชิกใดโต้แย้ง เช่น การด าเนินภารกิจการคุ้มครอง
                  สิทธิมนุษยชนของคณะกรรมาธิการที่แม้ในเอกสารขอบเขตหน้าที่ข้อ 4.10 ซึ่งเป็นบทบัญญัติเดียวเกี่ยวกับ
                  การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนจะระบุอย่างชัดเจนว่าคณะกรรมาธิการสามารถขอรับข้อมูลจากประเทศสมาชิก

                  ในเรื่องการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน แต่ผู้แทนบางคนตีความว่าเป็นการขัดกับหลักการแทรกแซง
                  กิจการภายในของประเทศสมาชิกซึ่งเป็นหลักการส าคัญในการด าเนินงานของคณะกรรมาธิการ  การยึด
                  หลักฉันทามติในการตัดสินใจท าให้ AICHR ไม่สามารถใช้อ านาจหน้าที่ซึ่งระบุไว้ในมาตราดังกล่าวได้อย่างมี
                  ประสิทธิภาพ





                  National Human Rights Commission of Thailand                                          63
   69   70   71   72   73   74   75   76   77   78   79