Page 79 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง โครงการศึกษาวิจัยปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี
P. 79

70




                  สอบนายสิบตํารวจแต่เมื่อผ่านการสอบข้อเขียนแล้ว ถึงขั้นตอนการทดสอบร่างกาย และได้มีขั้นตอนการตรวจ
                  ตาบอดสี  ผลปรากฏว่าทดสอบไม่ผ่าน จึงได้ทําการร้องเรียน และขอทดสอบใหม่อีกครั้ง เมื่อทดสอบแล้วก็ยัง

                  ไม่ผ่าน จึงไม่มีโอกาสได้เข้าเรียนและรับราชการตํารวจ ทําให้คิดว่าบางอาชีพที่จํากัดไม่รับบุคคลผู้ที่มีอาการ
                  ตาบอดสีเข้าทํางานหรือเข้ารับการศึกษานั้นเป็นการลิดรอนสิทธิกับบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี เป็นการเลือก
                  ปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมอีกด้วย (ผู้แทนบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีท่านที่ 1, การสนทนากลุ่มย่อย 29 พฤษภาคม
                  2558) ผู้ให้ข้อมูลบางท่านเห็นว่า กรณีการจํากัดสิทธิทางการศึกษา หากเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐาน เช่น การศึกษา
                  ภาคบังคับ จะจํากัดสิทธิไม่ได้เด็ดขาด การศึกษาสามัญไม่สามารถใช้เหตุนี้ในการจํากัดสิทธิได้ ส่วนวิชาชีพที่มี

                  มาตรฐานกํากับ เช่น แพทยสภา สภาพยาบาล สภาทนายความ สถาปนิก ถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่าวิชาชีพนั้นจะ
                  ก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้รับบริการหรือเกิดผลกระทบหรืออันตรายต่อสาธารณะ องค์กรที่มีอํานาจหน้าที่โดยตรง
                  ต้องวินิจฉัยลงไปให้ชัดเจนว่ากรณีใดให้จํากัดได้ เพราะอาจเป็นอันตรายต่อประโยชน์สาธารณะ เป็นต้น (ผู้ให้

                  สัมภาษณ์ท่านที่ 2 สํานักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, สัมภาษณ์ 4 กรกฎาคม 2558)  การสอบ
                  เข้าโรงเรียนนายร้อยตํารวจและโรงเรียนนายสิบตํารวจเพื่อเข้ารับราชการตํารวจ รวมทั้งทหารด้วย ตามระเบียบ
                  บุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีไม่สามารถเข้าเรียนและรับราชการได้ (ผู้ให้สัมภาษณ์ท่านที่ 14 สํานักงานตํารวจ
                  แห่งชาติ, สัมภาษณ์ 1 มิถุนายน 2558) ผู้ให้ข้อมูลอีกท่านหนึ่งให้ข้อมูลว่า มีปัญหาในการเลือกสมัครในคณะ

                  สาขาวิชาและมหาวิทยาลัย ในการสมัครเข้าเรียนนั้นต้องอ่านรายละเอียดคุณสมบัติของการสมัครให้ชัดเจน
                  เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง แต่ก็มีความรู้สึกว่าทําไมบางคณะบางมหาวิทยาลัยต้องกําหนดคุณสมบัติที่จํากัด
                  กับบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี จึงกลายเป็นข้อจํากัดในการศึกษาไปในทันที (ผู้แทนบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี
                  ท่านที่ 3, การสนทนากลุ่มย่อย, 29 พฤษภาคม 2558) บางสาขาวิชา โดยเฉพาะสาขาวิทยาศาสตร์ แพทย์ศาสตร์

                  วิศวกรรมศาสตร์ และสาขาวิชาที่ต้องใช้สายตาหรือทักษะการแยกแยะขั้นสูงนั้นไม่อาจจะเปิดกว้างให้กับผู้ที่มี
                  ความบกพร่องทางการมองเห็น หรือแม้แต่บุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีได้เข้ามารับการศึกษาด้านนี้ได้อย่างเท่าเทียม
                  คนธรรมดาทั่วไป (ผู้ให้สัมภาษณ์ท่านที่ 4 กรมการขนส่งทางบก, สัมภาษณ์ 27 พฤษภาคม 2558) อย่างไรก็ตาม
                  บุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีไม่น่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับการศึกษา บุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีจะมีปัญหาแค่การแยก

                  สีของวัตถุ ไม่ใช่ไม่สามารถรับรู้สีใดๆ ได้ เพียงแต่อาจจะแยกสีคล้ายกันได้น้อย แต่อาชีพบางอาชีพก็ไม่เหมาะ
                  สําหรับบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี เพราะหากว่าไม่สามารถแยกสีที่ปกติได้และอาจก่อให้เกิดผลเสียได้ (ผู้ให้
                  สัมภาษณ์ท่านที่ 6, กรมการจัดหางาน, สัมภาษณ์ 28 พฤษภาคม 2558) อาการของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี

                  ผู้ให้ข้อมูลท่านหนึ่งเห็นว่าไม่เป็นอุปสรรคต่อการศึกษา แต่ยังพบปัญหาในการเข้ารับการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย
                  (ผู้ให้สัมภาษณ์ท่านที่ 10, กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน, สัมภาษณ์ 4 กรกฎาคม 2558)
                                         ผู้ให้ข้อมูลท่านหนึ่งซึ่งเป็นบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีและรู้ตัวก่อนที่จะเลือกเรียน
                  ในระดับอุดมศึกษาว่าตนเองมีอาการตาบอดสีและสามารถวางแผนการดําเนินชีวิตได้ ผู้ให้ข้อมูลท่านนี้ได้ให้
                  ข้อมูลว่าตนเคยมีความสนใจที่จะสมัครสอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร แต่เมื่อได้อ่านคุณสมบัติของผู้สมัคร

                  แล้ว พบว่าในคุณสมบัตินั้นมีการทดสอบร่างกาย และมีการทดสอบอาการตาบอดสีร่วมอยู่ด้วย ผู้ให้ข้อมูล
                  จึงตัดสินใจไม่สมัครสอบและเปลี่ยนใจในการเข้ารับราชการทหาร เมื่อต้องสอบเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย
                  จึงเลือกคณะที่ไม่มีคุณสมบัติในการสมัครที่เกี่ยวข้องกับอาการตาบอดสี และสามารถเรียนจนจบ ปัจจุบันได้
   74   75   76   77   78   79   80   81   82   83   84