Page 83 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง โครงการศึกษาวิจัยปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี
P. 83

74




                  เท่าที่จําเป็น เพราะต้องยอมรับว่าบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีนั้นมีข้อจํากัดทางกายภาพในการใช้ชีวิตประจําวัน
                  และการทํากิจกรรมด้านต่างๆ จริง กฎหมายในปัจจุบันก็ได้คํานึงถึงความเหมาะสมและความปลอดภัยก่อนเป็น

                  สําคัญอยู่แล้ว แต่หากให้มีการปรับปรุงควรจะเป็นในส่วนของการอํานวยความสะดวกให้กับผู้มีอาการตาบอดสี
                  ให้ได้รับความเท่าเทียมในการรับบริการต่างๆ ทั้งจากทางภาครัฐและเอกชน และการให้ความรู้เรื่องข้อกฎหมาย
                  เพื่อประโยชน์ในการดําเนินชีวิตประจําวันต่อไป (ผู้ให้สัมภาษณ์ท่านที่ 4, กรมการขนส่งทางบก, สัมภาษณ์ 27
                  พฤษภาคม 2558) ผู้ให้ข้อมูลซึ่งเป็นผู้บริหารอยู่ในกรมการขนส่งทางบกอีกท่านหนึ่งให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันบุคคล
                  ที่มีอาการตาบอดสีจะมีปัญหาด้านการใช้ชีวิตประจําวันในเรื่องของการขอรับใบอนุญาตขับรถ จากประสบการณ์

                  ในการทํางานนั้น จะมีประเด็นเกี่ยวกับการทดสอบสายตาด้วยวิธีใช้ไฟแสดงสีแดง สีเหลืองและสีเขียว ที่ผู้ทดสอบ
                  บางคนทําการทดสอบไม่ผ่าน จึงเกิดเรื่องร้องเรียนขึ้น การทดสอบตาบอดสีในการขอรับใบอนุญาตขับรถนั้น
                  จําเป็นต้องมีการทดสอบ ไม่ได้เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมแต่อย่างใด เป็นการทดสอบเพื่อความปลอดภัย

                  ต่อการขับขี่ และตัวบุคคลนั้นเอง ณ ปัจจุบันนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงการทดสอบจากแผ่นภาพตัวเลขเป็นการ
                  แสดงไฟจราจรแสดงสีจริงในการทดสอบแทน จึงมีการอนุโลมให้สําหรับผู้ที่ทดสอบที่มีอาการตาบอดสีไม่รุนแรง
                  ที่สามารถมองเห็นได้ ไม่แตกต่างจากคนทั่วไปมากนัก (ผู้ให้สัมภาษณ์ท่านที่ 3, กรมการขนส่งทางบก, สัมภาษณ์
                  20 พฤษภาคม 2558) ผู้ให้ข้อมูลซึ่งเป็นบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีท่านหนึ่งให้ข้อมูลว่าได้ผ่านการทดสอบตาบอดสี

                  ในการขอรับใบอนุญาตขับรถ เนื่องจากมีการเปลี่ยนวิธีทดสอบตาบอดสีของกรมการขนส่งทางบก โดยการทดสอบ
                  จากการดูสีไฟสีเขียว สีแดงและสีเหลืองได้ อยากให้เปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีเนื่องจาก
                  อาการตาบอดสีไม่ได้เป็นบุคคลที่ไม่สมประกอบ หรือเป็นคนพิการแต่อย่างใดเพราะอาการตาบอดสีของบางคน
                  ไม่ได้มีอาการรุนแรงมากนัก สามารถทํางานและดําเนินชีวิตประจําวันได้ปกติ (ผู้ให้สัมภาษณ์ท่านที่ 15, บุคคล

                  ผู้ที่มีอาการตาบอดสี, สัมภาษณ์ 12 พฤษภาคม 2558) แต่ในประเด็นเดียวกันนี้ผู้ให้ข้อมูลอีกท่านหนึ่งซึ่งเป็น
                  บุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีให้ข้อมูลว่า เข้าไปสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตขับรถ ทั้งหมด 3 ครั้ง ที่สํานักงานขนส่ง
                  แต่ไม่ผ่านที่ขั้นตอนทดสอบการมองเห็นหรือทดสอบตาบอดสี ทั้งนี้อาจเป็นเพราะที่สํานักงานแห่งนั้นยังใช้การ
                  ทดสอบเป็นแบบการมองตัวเลข ในขณะที่สํานักงานขนส่งที่อื่นได้เปลี่ยนมาเป็นการใช้ไฟแสดงสัญญาณจราจร

                  แทนแล้ว  การทดสอบตาบอดสีในการขอรับใบอนุญาตขับรถได้มีการปรับเปลี่ยนวิธีการทดสอบแบบใหม่ โดย
                  การใช้ไฟแสดงจราจรแทนการทดสอบมองตัวเลขแล้ว ในสํานักงานขนส่งทางบกบางพื้นที่ ดังนั้นควรจะระบุ
                  ให้ชัดเจนแน่ชัดและเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกหน่วยงาน (ผู้แทนบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีท่านที่ 2, การสนทนา

                  กลุ่มย่อย, 29 พฤษภาคม 2558)
                                  จากผลการศึกษาสภาพปัญหาและข้อจํากัดของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีในด้านการศึกษา
                  การประกอบอาชีพ และการใช้ชีวิตประจําวัน ทั้งจากการวิเคราะห์เอกสาร การสนทนากลุ่มย่อย การสัมภาษณ์
                  และการจัดเวทีสาธารณะรับฟังความคิดเห็น สรุปได้ว่า บุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีถูกเลือกปฏิบัติโดยมีข้อจํากัด
                  ทั้งในด้านการศึกษาในสถาบันการศึกษาของตํารวจ สถาบันการศึกษาของทหารที่จะไม่รับบุคคลผู้ที่มีอาการ

                  ตาบอดสีเข้าศึกษา และในมหาวิทยาลัยที่ไม่สามารถเข้าเรียนในคณะ/สาขาวิชาต่างๆ เช่น วิศวกรรมศาสตร์
                  แพทยศาสตร์ สัตวแพทยศาสตร์ พยาบาลศาสตร์ เภสัชศาสตร์ ด้านการประกอบอาชีพก็จะถูกจํากัดไม่สามารถ
                  เข้าทํางานในวิชาชีพที่มีข้อจํากัด ไม่ไห้บุคคลผู้มีอาการตาบอดสีเข้าเรียนด้วย ส่วนด้านการใช้ชีวิตประจําวัน
   78   79   80   81   82   83   84   85   86   87   88