Page 76 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง โครงการศึกษาวิจัยปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี
P. 76
67
ผู้ฟูองคดีไม่ได้รับความเป็นธรรมในการทดสอบสายตาบอดสี เนื่องจากผู้ฟูองคดีสามารถมองเห็นสัญญาณไฟ
จราจรได้อย่างชัดเจน การกําหนดวิธีการทดสอบสายตาบอดสีตามระเบียบกรมการขนส่งทางบกดังกล่าวเป็น
การละเมิดสิทธิเสรีภาพผู้ฟูองคดี คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้มีหนังสือขอความร่วมมือไปยังผู้ถูก
ฟูองคดีให้ผู้ฟูองคดีเข้ารับการทดสอบสายตาบอดสีอีกครั้ง ผู้ฟูองคดีจึงได้เข้ารับการทดสอบสายตาอีกครั้งโดย
แบ่งการทดสอบทั้งหมดเป็นสี่แบบ คือ แบบที่หนึ่ง ทดสอบสายตาบอดสี แบบที่สอง ทดสอบสายตาทางกว้าง
โดยทดสอบการมองเห็นด้านซ้ายและด้านขวาเป็นมุมกว้าง 75 องศา และบอกสีแดง สีเขียว สีเหลือง ที่ปรากฏ
ให้ถูกต้อง แบบที่สาม ทดสอบปฏิกิริยา แบบที่สี่ ทดสอบสายตาทางลึก ผลการทดสอบปรากฏว่า ผู้ฟูองคดี
ผ่านการทดสอบแบบที่สอง แบบที่สาม และแบบที่สี่ แต่การทดสอบแบบที่หนึ่งซึ่งเป็นการทดสอบสายตาบอดสี
ผู้ฟูองคดีอ่านสีเขียวและสีเหลืองได้ถูกต้องแต่ไม่สามารถอ่านสีแดงได้ทั้งสามครั้งผู้ฟูองคดีจึงไม่ผ่านการทดสอบ
ผู้ฟูองคดีเห็นว่าระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการอบรมและทดสอบผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถตามกฎหมาย
ว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. 2549 ในส่วนที่ 1 การทดสอบสมรรถภาพของร่างกาย ข้อ 20 (3) การทดสอบสายตาบอดสี
เป็นการกําหนดวิธีการทดสอบที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการสร้างขั้นตอนโดยไม่จําเป็นหรือสร้างภาระให้เกิด
กับประชาชนเกินสมควร และเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากในการขับรถยนต์จะใช้
สายตาเพียงการมองสีสัญญาณไฟจราจรและเครื่องหมายสัญญาณทางจราจรเท่านั้นและมีข้อมูลทางการแพทย์
ระบุว่าบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีส่วนใหญ่สามารถบอกสีของสัญญาณไฟจราจรได้ อีกทั้งตลอดระยะเวลา 15 ปี
ที่ผู้ฟูองคดีได้รับใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ตลอดชีพ ผู้ฟูองคดีไม่เคยฝุาฝืนสัญญาณไฟจราจรและไม่เคย
ประสบอุบัติเหตุจากการฝุาฝืนสัญญาณไฟจราจร แผ่นภาพที่นํามาใช้ทดสอบสายตาบอดสีเป็นแบบทดสอบที่มี
มาตรฐานสูงเกินความจําเป็น ขอให้ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วย
การอบรมและทดสอบผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ.2549 เฉพาะส่วนที่ 1 การทดสอบ
สมรรถภาพของร่างกาย ข้อ 20 (3) หรือแก้ไขระเบียบดังกล่าว โดยให้นําสัญญาณไฟจราจรจริงมาใช้ทดสอบ
ตาบอดสีแทนแผ่นภาพทดสอบ แต่ประเด็นของการฟูองร้องในศาลปกครองในกรณีนี้ไม่ได้รับการวินิจฉัยในเนื้อหา
ของเรื่อง เนื่องจากเป็นคดีที่ศาลปกครองไม่อาจรับเรื่องไว้พิจารณาพิพากษาได้เนื่องจากล่วงเลยระยะเวลาการ
ฟูองคดี (คําร้องที่ 683/2552 คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ 127/2553)
กรณีศึกษาที่ 2 ตาบอดสีกับการสอบเข้าเตรียมทหาร
การสอบเข้าเตรียมทหารนั้น เรื่องของ “ตาบอดสี (Color blindness)” เป็นสิ่งที่ขัดต่อการ
เข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ซึ่งปัญหานี้เป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม เพราะบางคนไม่ทราบเลยว่า ตัวเองมี
อาการตาบอดสีที่เป็นความผิดปกติอย่างหนึ่งของสายตาที่ทําให้เรามองเห็นสีของสิ่งต่างๆ ผิดแผกไปจากเดิม
อาจมีหลายแบบ เช่น ตาบอดสีเขียว จะเห็นสีเขียวเป็นสีเทาหรือสีอื่นๆ สิ่งนี้ในทางทหาร และตํารวจถือว่าเป็น
อุปสรรคในการปฏิบัติงาน โดยกรณีศึกษาตัวอย่าง การสอบเข้าทหารเรือ หรือทหารอากาศที่ต้องบังคับ
ยานพาหนะที่ต้องดูสีของไฟอุปกรณ์ต่างๆ เป็นสัญญาณอาจทําให้เกิดข้อผิดพลาดได้ ดังนั้น บุคคลผู้ที่มีอาการ
ตาบอดสี จึงไม่สามารถเข้ารับการศึกษาได้ โดยมีการกําหนดคุณสมบัติของผู้สมัครไว้โดยชัดเจนว่าไม่รับบุคคล
ผู้ที่มีอาการตาบอดสี