Page 78 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง โครงการศึกษาวิจัยปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี
P. 78

69




                  บนแผ่นกระดาษ เป็นการอ่านจากเครื่องทดสอบที่มีลักษณะคล้ายกับสัญญาณไฟจราจร แต่ใช้การสุ่มสลับตําแหน่ง
                  ของสัญญาณไฟทั้ง 3 สี ซึ่งไม่สอดคล้องกับสถานการณ์จริงและอาจทําให้บุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี สับสนได้

                  นอกจากนี้ระเบียบดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจนเพียงพอในแง่ของการปฏิบัติ เช่น ใบรับรองแพทย์จําเป็นต้องเป็น
                  แพทย์เฉพาะทางเท่านั้นหรือไม่  และหากแพทย์ระบุว่าตาบอดสีแต่สามารถขับรถได้จะต้องทดสอบตาบอดสี
                  อีกหรือไม่ แล้วถ้าแพทย์ระบุว่าสามารถขับรถได้แต่เมื่อทดสอบกลับอ่านสีผิดจะพิจารณากันอย่างไร และหาก
                  จําเป็นต้องตัดสิทธิของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีแล้วจะรับผิดชอบชีวิตของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีอย่างไร
                  เพราะชีวิตของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีก็สําคัญไม่ต่างจากชีวิตของคนปกติ ในเมื่อท่านตัดสิทธิของบุคคลผู้ที่

                  มีอาการตาบอดสีเพื่อความปลอดภัยของสังคม  แล้วท่านจะชดเชยในความเสียสละหรือให้ความช่วยเหลือกับ
                  บุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีเหล่านั้นอย่างไร
                                  ข้าพเจ้าไม่เชื่อว่าการแก้ไขระเบียบในครั้งนี้จะช่วยลดอุบัติเหตุหรือแก้ไขปัญหาจราจรให้

                  ดีขึ้นได้เพราะคนที่ทําให้เกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่ก็คือคนที่มีใบขับขี่ ซึ่งได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก
                  แทบทั้งนั้น การอบรมไม่ว่าจะยาวนานเพียงใดก็ไร้ค่าถ้าไม่นําไปปฏิบัติอย่างจริงๆ ใบรับรองแพทย์ก็ไม่ใช่สิ่งที่
                  จะซื้อหากันมาไม่ได้ ถึงไม่มีใบขับขี่ก็ใช่ว่าจะนํารถมาขับบนถนนไม่ได้ และถ้าเลือกได้ก็คงไม่มีใครอยากมาติดต่อ
                  ที่กรมการขนส่งทางบกหรอกครับ เพราะต้องเสียทั้งเงินเสียทั้งเวลาทํามาหากิน ไม่ทราบว่าก่อนที่จะแก้ไขกฎ

                  ระเบียบต่างๆ กรมการขนส่งทางบกได้มีการศึกษาวิเคราะห์กันอย่างละเอียดรอบคอบมากน้อยแค่ไหน เคยสอบถาม
                  ความคิดเห็นของประชาชนหรือผู้จะได้รับผลกระทบกันบ้างหรือไม่ มีคณะกรรมการมาตรวจความถูกต้องเหมาะสม
                  กันบ้างหรือไม่ จริงๆ แล้วคนที่สร้างปัญหาหรือก่อให้เกิดอุบัติเหตุเป็นเพียงคนส่วนน้อยของสังคมเท่านั้น จึงควร
                  ออกระเบียบให้สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุดอย่างจริงจัง เพื่อจะได้ไม่ส่งผลกระทบหรือสร้างความเดือดร้อนกับ

                  คนส่วนมากที่ไม่ได้ก่อปัญหาให้กับสังคมอีกต่อไป…” (นายศิริชัย  เจสดุ, เรื่องร้องเรียนกรมการขนส่งทางบก,
                  24 มิถุนายน 2554)

                            4.1.2  ผลการศึกษาจากการสนทนากลุ่มย่อย การสัมภาษณ์ และการจัดเวทีสาธารณะรับฟัง

                  ความคิดเห็น
                                  การเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสนทนากลุ่มย่อยบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี การสัมภาษณ์
                  ผู้บริหารเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องและตัวแทนบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี และการจัดเวทีสาธารณะ
                  รับฟังความคิดเห็น พบว่า ผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่มย่อย ผู้ให้สัมภาษณ์ และผู้ให้ความคิดเห็นในเวทีสาธารณะรับฟัง

                  ความคิดเห็นส่วนใหญ่มีความเห็นว่า บุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีส่วนใหญ่นั้น ไม่มีความแตกต่างจากคนปกติทั่วไป
                  สามารถที่จะใช้ชีวิตประจําวันได้ตามปกติ แต่มีปัญหาและข้อจํากัดในด้านการศึกษา ด้านการประกอบอาชีพ
                  และด้านการใช้ชีวิตประจําวัน เนื่องจากการถูกเลือกปฏิบัติดังนี้
                                  4.1.2.1 สภาพปัญหาและข้อจ ากัดของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีในด้านการศึกษา

                                         ผลการศึกษาด้วยการสนทนากลุ่มย่อย การสัมภาษณ์และการจัดเวทีสาธารณะรับฟัง
                  ความคิดเห็น พบสภาพปัญหาและข้อจํากัดที่เป็นการเลือกปฏิบัติของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีในด้าน
                  การศึกษาหลายกรณีผู้ให้ข้อมูลท่านหนึ่งให้ข้อมูลกรณีของการสอบเข้าเป็นนักเรียนนายสิบตํารวจว่า เคยสมัคร
   73   74   75   76   77   78   79   80   81   82   83