Page 54 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง โครงการศึกษาวิจัยปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี
P. 54
45
“มาตรา 4 ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ
เสรีภาพและความเสมอภาค บรรดาที่ชนชาวไทยเคยได้รับการคุ้มครองตามประเพณีการปกครองประเทศไทย
ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทย
มีอยู่แล้ว ย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญนี้”
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 30 บัญญัติไว้ว่า
“มาตรา 30 บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย
ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน
การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องถิ่น
กําหนด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ สภาพทางกายภาพหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือ
สังคม ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรมหรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่ง
รัฐธรรมนูญ จะกระทํามิได้
มาตรการที่รัฐกําหนดขึ้นเพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้บุคคลสามารถใช้สิทธิและ
เสรีภาพได้เช่นเดียวกับบุคคลอื่น ไม่ถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม"
จะเห็นได้ว่าในรัฐธรรมนูญของไทยมิได้มีการให้คํานิยามการเลือกปฏิบัติไว้ว่า
มีความหมายว่าอย่างไร แตกต่างกับในกฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายของสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา
และสวีเดน แต่เมื่อพิจารณาจากบทบัญญัตินี้ หมายความว่า ตามหลักความเสมอภาคตามที่รัฐธรรมนูญรับรอง
ไว้ในมาตรา 30 กําหนดให้มีการเลือกปฏิบัติได้ แต่ต้องเป็นการเลือกปฏิบัติที่เป็นธรรมคือการเลือกปฏิบัติกับ
บุคคลที่แตกต่างกันเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกันโดยการเลือกปฏิบัตินั้นจะต้องมีเหตุผลควรแก่การรับฟังได้
การเลือกปฏิบัติโดยเป็นธรรมคือการให้สิทธิพิเศษหรืออภิสิทธิ์แก่บุคคลใดเหนือกว่าบุคคลหนึ่งเพื่อให้บุคคลที่
ด้อยกว่าเกิดความเท่าเทียมกันกับบุคคลที่เหนือกว่า
การเลือกปฏิบัติที่รัฐธรรมนูญห้ามตามหลักความเสมอภาค คือ "การเลือกปฏิบัติ
โดยไม่เป็นธรรม" (Unfair discrimination) การปฏิบัติต่อบุคคลที่แตกต่างกัน (Different treatment)
สามารถกระทําได้ เพียงแต่มีข้อจํากัด 2 ประการเท่านั้น คือ 1) ห้ามมิให้แบ่งแยกบุคคลออกเป็นประเภทโดย
คํานึงถึงศาสนา นิกาย ลัทธินิยม 2) การปฏิบัติต่อบุคคลที่ถูกแบ่งแยกประเภทแตกต่างกันจะกระทําได้และบาง
กรณีจําเป็นต้องกระทําด้วย แต่การเลือกปฏิบัติเช่นว่านี้จะต้องมีเหตุผลอันหนักแน่นควรค่าแก่การรับฟังได้
(Raison objectivement plausible) เมื่อ "บุคคลที่เหมือนกันในสาระสําคัญจะต้องปฏิบัติเหมือนกัน และ
บุคคลที่ต่างกันในสาระสําคัญจะต้องปฏิบัติแตกต่างกัน" ตามหลักการเลือกปฏิบัติโดยเป็นธรรม
จากการทบทวนความหมายของการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมดังกล่าวมา คณะผู้วิจัยได้
สรุปความหมายสําหรับการวิจัยในครั้งนี้ว่า “การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม (Unfair discrimination) หมายถึง
การกระทําหรือไม่กระทําการใด อันเป็นการแบ่งแยก กีดกันหรือจํากัดสิทธิประโยชน์ใดๆ ไม่ว่าทางตรงหรือ
ทางอ้อม โดยปราศจากความชอบธรรมต่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคล อันเนื่องจากความแตกต่างในลักษณะใด
ลักษณะหนึ่ง อาทิ เชื้อชาติ เพศ ศาสนา ภาษา สภาพทางกาย สุขภาพ หรือสถานภาพอื่นๆ เป็นต้น”