Page 125 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง โครงการศึกษาวิจัยปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี
P. 125

116



                            4.3.3 มาตรการทางกฎหมายในการแก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มี
                  อาการตาบอดสีของประเทศไทย
                                  มาตรการทางกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของประเทศไทย

                  มีบัญญัติครั้งแรกในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
                  พุทธศักราช 2550 ซึ่งแม้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะถูกยกเลิกและให้ใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับ
                  ชั่วคราว)  พุทธศักราช  2557 แล้วก็ตาม หลักการในเรื่องของการห้ามมิให้มีการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม ก็ยัง
                  คงได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญแห่ง
                  ราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ความว่า

                                  “มาตรา 4 ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ
                  และความเสมอภาคบรรดาที่ชนชาวไทยเคยได้รับการคุ้มครองตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบ
                  ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีอยู่แล้ว

                  ย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญนี้”
                                  ดังนั้น การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีในประเด็นต่างๆ  จึงอยู่
                  ภายใต้การรับรองและคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศโดยมี
                  หลักการที่สําคัญคือ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในฐานะ

                  สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่สําคัญ (มาตรา 4 และ 28) ซึ่งบุคคลจะต้องได้รับการคุ้มครองสิทธิและการเคารพ
                  ในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์จากรัฐและบุคคลอื่นๆ และหลักสิทธิส่วนบุคคล (Privacy) ซึ่งหมายถึงสิทธิของบุคคล
                  ที่จะอยู่โดยลําพังปราศจากการแทรกแซงของบุคคลอื่น โดยรัฐต้องให้ความคุ้มครองและเป็นสิทธิที่ล่วงละเมิด
                  ไม่ได้ เว้นแต่เพื่อประโยชน์ของสาธารณะ โดยรัฐธรรมนูญได้มีการรับรองและคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลในหลาย

                  มาตรา อาทิ มาตรา 35 ให้ความคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล โดยเฉพาะในเรื่องการเผยแพร่ข้อมูลที่กระทบถึงสิทธิ
                  ส่วนบุคคล ส่วนมาตรา 44 คุ้มครองหลักประกันเรื่องความปลอดภัยและสวัสดิการในการทํางาน และมาตรา
                  51 คุ้มครองสิทธิในการรับบริการทางด้านสาธารณสุขที่เหมาะสมและได้มาตรฐาน
                                  ส่วนหลักการเรื่องการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมซึ่งยังคงเป็นไปตามมาตรา 30 วรรคสาม

                  ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ที่บัญญัติว่า
                                  “การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องถิ่นกําเนิด
                  เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือ

                  สังคม ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรมหรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
                  จะกระทํามิได้”
                                  รัฐธรรมนูญของไทยมิได้มีการให้คํานิยามการเลือกปฏิบัติไว้ว่ามีความหมายอย่างไร ต่างกับ
                  ในกฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายของสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และสวีเดน แต่เมื่อพิจารณาจากบท
                  บัญญัติดังกล่าว สามารถอธิบายได้ว่า หลักความเสมอภาคตามที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ในมาตรา 30 กําหนดให้มี

                  การเลือกปฏิบัติได้ แต่ต้องเป็นการเลือกปฏิบัติที่เป็นธรรม คือการเลือกปฏิบัติกับบุคคลที่แตกต่างกันเพื่อให้
                  เกิดความเท่าเทียมกันโดยการเลือกปฏิบัตินั้นจะต้องมีเหตุผลควรแก่การรับฟังได้ การเลือกปฏิบัติโดยเป็นธรรม
   120   121   122   123   124   125   126   127   128   129   130