Page 128 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง โครงการศึกษาวิจัยปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี
P. 128
119
มาตรการที่รัฐกําหนดขึ้นเพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้บุคคลสามารถใช้สิทธิและ
เสรีภาพได้เช่นเดียวกับบุคคลอื่น ย่อมไม่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมตามวรรคสาม”
ศาลรัฐธรรมนูญอธิบายว่า บุคคลย่อมมีความเสมอภาคกันภายใต้กฎหมาย และได้รับ
ความคุ้มครองภายใต้กฎหมาย ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน หากบุคคลมีความแตกต่างกันด้วยถิ่นกําเนิด
เชื้อชาติ สภาพทางกาย สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม อาจปฏิบัติต่อบุคคลเหล่านี้แตกต่าง
กันได้ แต่จะเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมไม่ได้ ซึ่งการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม คือ การเลือกปฏิบัติที่ทําให้
เกิดความไม่เสมอภาคแก่บุคคล แต่หากการเลือกปฏิบัตินั้นเป็นมาตรการเพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้เกิด
ความเสมอภาค โดยทําให้บุคคลสามารถใช้สิทธิและเสรีภาพได้เช่นเดียวกับบุคคลอื่น เป็นการเลือกปฏิบัติที่
เป็นธรรม (คําวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 50/2545, 48/2545, 10/2549)
2) ศาลปกครอง
ศาลปกครองได้อธิบายว่า หลักความเสมอภาคได้วางไว้ให้องค์กรต่างๆ ของรัฐ รวมถึง
ฝุายปกครองต้องปฏิบัติต่อบุคคลที่เหมือนกันในสาระสําคัญอย่างเดียวกัน และปฏิบัติต่อบุคคลที่แตกต่าง
ในสาระสําคัญที่แตกต่างกันออกไปตามลักษณะเฉพาะของแต่ละคน การที่บุคคลใดมีความแตกต่างแต่ได้รับ
การปฏิบัติที่เหมือนกัน หรือบุคคลที่เหมือนกันได้รับการปฏิบัติที่แตกต่าง ย่อมขัดต่อหลักความเสมอภาค
ดังนั้น ความเสมอภาคไม่ได้บังคับให้ต้องปฏิบัติต่อแต่ละบุคคลเหมือนกัน แต่หลักความเสมอภาคเห็นควรที่จะ
ปฏิบัติต่อแต่ละบุคคลให้แตกต่างกันไปตามลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล หากบุคคลมีสาระสําคัญเหมือนกัน
ก็ต้องปฏิบัติต่อบุคคลเหล่านั้นให้เหมือนกัน
การวินิจฉัยของศาลปกครอง เกี่ยวกับความหมายของการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม
ศาลได้อ้างถึงบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 30 วรรคสาม ที่ได้
กําหนดความแตกต่างไว้ดังนี้ ถิ่นกําเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล
ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรมหรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อ
รัฐธรรมนูญ หากนําเหตุต่างๆ เหล่านี้มาอ้างเพื่อให้มีการปฏิบัติที่แตกต่าง ถ้าเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมซึ่ง
หมายถึง การปฏิบัติที่ไม่มีเหตุผลควรค่าแก่การรับฟัง ย่อมเป็นการเลือกปฏิบัติ (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุด
ที่ 142/2547)
จากการศึกษามาตรการทางกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติดังที่กล่าวมาแล้ว
จะเห็นได้ว่าทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศยังไม่มีมาตรการทางกฎหมายที่เป็นกฎหมายเฉพาะที่บัญญัติถึง
เรื่องการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีโดยตรง แต่บทบัญญัติในกฎหมายเกี่ยวกับ
การเลือกปฏิบัติของสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และสวีเดน มีความชัดเจนและคลอบคลุมการเลือกปฏิบัติ
ในทุกเรื่อง และสามารถนํามาใช้ในการแก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตา
บอดสีได้ หากมีกรณีเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี แต่สําหรับประเทศไทย ยังไม่มี
กฎหมายคุ้มครองการถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีโดยเฉพาะ รวมทั้งยังไม่มี
กฎหมายคุ้มครองการถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลโดยรวมที่ครอบคลุมถึงบุคคลผู้ที่มีอาการตา
บอดสี นอกจากที่มีบัญญัติรับรองเป็นหลักการรวมๆ ไว้ในรัฐธรรมนูญเท่านั้น กฎหมายที่ออกมาเพื่อคุ้มครอง