Page 126 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง โครงการศึกษาวิจัยปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี
P. 126

117




                  คือการให้สิทธิพิเศษหรืออภิสิทธิ์แก่บุคคลใดเหนือกว่าบุคคลหนึ่งเพื่อให้บุคคลที่ด้อยกว่าเกิดความเท่าเทียมกัน
                  กับบุคคลที่เหนือกว่า

                                  การเลือกปฏิบัติที่รัฐธรรมนูญห้ามตามหลักความเสมอภาค คือ "การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็น
                  ธรรม" (Unfair discrimination) การปฏิบัติต่อบุคคลที่แตกต่างกัน (Different treatment) สามารถกระทําได้
                  เพียงแต่มีข้อจํากัด 2 ประการ คือ
                                  1) ห้ามมิให้แบ่งแยกบุคคลออกเป็นประเภทโดยคํานึงถึงศาสนานิกาย ลัทธินิยม
                                  2) การปฏิบัติต่อบุคคลที่ถูกแบ่งแยกประเภทแตกต่างกันจะกระทําได้และบางกรณีจําเป็น

                  ต้องกระทําด้วย แต่การเลือกปฏิบัติเช่นว่านี้ต้องมีเหตุผลอันหนักแน่นควรค่าการรับฟังได้ (Raison objectivement
                  plausible) เมื่อ "บุคคลที่เหมือนกันในสาระสําคัญจะต้องปฏิบัติเหมือนกัน และบุคคลที่ต่างกันในสาระสําคัญ
                  จะต้องปฏิบัติแตกต่างกัน" ตามหลักการเลือกปฏิบัติโดยเป็นธรรม

                                  หลักความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัตินี้ สามารถกล่าวได้ว่า นอกจากความเสมอภาค
                  และการไม่เลือกปฏิบัติในความหมายทั่วไปแล้ว มาตรา 30 วรรคสาม แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
                  พุทธศักราช 2550 ได้นําหลักการที่เรียกว่า การเลือกปฏิบัติที่เป็นธรรม (Positive discrimination) มาใช้เพื่อ
                  ยืนยันว่า ในกรณีที่มีการเลือกปฏิบัติ  รัฐสามารถกระทําได้ หากการเลือกปฏิบัติดังกล่าวเป็นไปเพื่อการขจัด

                  อุปสรรคหรือส่งเสริมให้บุคคลสามารถใช้สิทธิและเสรีภาพได้เช่นเดียวกับบุคคลอื่น
                                  นอกจากนี้เพื่อเป็นการคุ้มครองความเสมอภาคเท่าเทียม รัฐธรรมนูญได้บัญญัติให้รัฐมีหน้าที่
                  ในการดําเนินนโยบายด้านต่างๆ รวมถึงการดําเนินนโยบายด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมเพื่อประกัน
                  หลักความเสมอภาคต่อหน้ากฎหมาย ซึ่งบุคคลต้องได้รับความคุ้มครองโดยไม่แบ่งแยก อาทิ การดูแลให้มีการ

                  ปฏิบัติและบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างถูกต้อง รวดเร็ว เป็นธรรมและทั่วถึง เป็นต้น
                                  การเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมนี้จึงถูกอธิบายว่า หมายถึง การเลือกปฏิบัติที่ปราศจากเหตุผล
                  หรือไร้เหตุผล ถ้าเป็นเหตุผลที่คนทั่วไปยอมรับ ก็จะไม่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม
                                  การกระทําใดจะเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ พิจารณาจาก 2 ปัจจัยประกอบกัน

                  คือ การปฏิบัติที่แตกต่าง และลักษณะที่ไม่เป็นธรรม การที่บุคคลได้รับการปฏิบัติที่แตกต่าง เพราะถิ่นกําเนิด
                  เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ และศาสนา แต่ถ้าการปฏิบัตินั้นมีเหตุผลที่คนทั่วไปยอมรับได้ ดังเช่นในการประชุม
                  ร่วมกันของรัฐสภาในการพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช….

                  นายแก้วสรร อติโพธิ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ได้ยกตัวอย่างว่า กรณีที่กองทัพไทยไม่รับผู้หญิงเข้าเป็น
                  ทหารเรือเพราะเหตุผลทางกายภาพแม้จะเป็นการปฏิบัติที่แตกต่าง แต่ไม่ได้มีลักษณะที่ไม่เป็นธรรม จึงไม่เป็น
                  การเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม (รายงานการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 3 (สมัยสามัญ ครั้งที่ 2), 2540 :
                  165-166.)
                                  นอกจากนี้มาตรการทางกฎหมายเพื่อขจัดการเลือกปฏิบัติที่ปรากฏในมาตรา 30  เป็นการ

                  ให้ความคุ้มครองไม่ให้องค์กรของรัฐ “ออกกฎหมาย” หรือ “มีการกระทํา” ที่เลือกปฏิบัติอันไม่เป็นธรรมต่อ
                  ประชาชน รัฐธรรมนูญไม่ได้ให้ความคุ้มครองระหว่างเอกชนด้วยกัน  การจะให้ความคุ้มครองการเลือกปฏิบัติ
                  ระหว่างเอกชน จะต้องมีกฎหมายบัญญัติเป็นพิเศษเฉพาะ (รายงานการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 3
   121   122   123   124   125   126   127   128   129   130   131