Page 129 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง โครงการศึกษาวิจัยปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี
P. 129

120




                  การถูกเลือกปฏิบัติโดยตรงของประเทศในปัจจุบันจะมีอยู่ 2 เรื่อง คือ การคุ้มครองคนพิการเพื่อมิให้มีการเลือก
                  ปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมเพราะเหตุสภาพทางกายหรือสุขภาพ ได้แก่ พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพ

                  ชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 และการคุ้มครองการถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ ได้แก่ พระราชบัญญัติ
                  ความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ.2558
                                  ดังนั้นการควบคุมตรวจสอบการกระทําที่เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่
                  มีอาการตาบอดสี ซึ่งถือได้ว่าเป็นการกระทําที่ขัดต่อหลักความเสมอภาคที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ  และเป็น
                  การกระทําที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย บุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีจึงมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่จะสามารถใช้สิทธิทาง

                  ศาลหรือยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้คดีในศาลได้  หรือร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่มีอํานาจพิจารณาปัญหาดังกล่าวได้
                  ดังนี้ (สํานักงานศาลปกครอง, สํานักวิจัยและวิชาการ, 2558)
                                  1)  อุทธรณ์คําสั่งหรือการกระทําที่เป็นการเลือกปฏิบัติต่อผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ (พระราช

                  บัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 มาตรา 44 - 48)
                                  2) ใช้สิทธิร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินว่ามีการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือร้องเรียนต่อ
                  คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  ว่ามีการกระทําที่เป็นการขัดต่อหลักความเสมอภาคอันเป็นการละเมิด
                  สิทธิมนุษยชน (พระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 23)

                                  3) โต้แย้งในศาลเพื่อขอให้เสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในกรณีที่เห็นว่าบทบัญญัติ
                  ของกฎหมายใดมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติ หรือขัดต่อหลักความเสมอภาค
                                  4) ฟูองคดีต่อศาลปกครอง เพื่อให้เพิกถอนการกระทําหรือคําสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายอัน
                  เนื่องมาจากการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม หรือฟูองเรียกค่าสินไหมทดแทนจากหน่วยงานของรัฐ หากการเลือก

                  ปฏิบัติจนเกิดความเสียหายนั้นเกิดเนื่องในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ (พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง
                  และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 มาตรา 9) หากมีการกระทําที่เป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม ศาล
                  องค์กรหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อาจมีการสั่งให้เพิกถอนการกระทําที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว หรือไม่นํา
                  ผลของคําสั่งหรือกฎระเบียบที่ออกมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นมาใช้บังคับแก่ข้อเท็จจริงในคดีโดยวินิจฉัยว่า

                  คําสั่งหรือกฎนั้นเป็นเพียงเรื่องภายในฝุายปกครอง ไม่มีผลไปสู่บุคคลภายนอก และอาจมีการชดใช้ค่าสินไหม
                  ทดแทนแก่ผู้ที่ถูกเลือกปฏิบัติที่ได้รับความเสียหายด้วย (ฤทัย หงส์สิริ, 2543)
                                  จากการศึกษาวิเคราะห์มาตรการทางกฎหมายในการแก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม

                  ของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีของประเทศไทยและกลไกการควบคุมตรวจสอบการกระทําที่เป็นการเลือก
                  ปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลเพราะเหตุอื่นๆ (ที่ไม่ใช่เรื่องความพิการและเรื่องเพศ ซึ่งมีกฎหมายเฉพาะ
                  คุ้มครองการถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมแล้ว) รวมทั้งการเป็นบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี พบว่า การไม่มี
                  กฎหมายกําหนดมาตรการปูองกันการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลที่ชัดเจนส่งผลให้บุคคลซึ่งถูกเลือก
                  ปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมไม่ได้รับความคุ้มครองและไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่าที่ควร ช่องทางในการใช้สิทธิทาง

                  ศาลหรือยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้คดีในศาลหรือร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่มีอํานาจพิจารณาปัญหาก็ไม่ชัดเจนเพราะ
                  เป็นการคุ้มครองโดยหลักการในรัฐธรรมนูญเท่านั้น ไม่มีกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองโดยตรงและไม่มีหน่วยงาน
                  ผู้รับผิดชอบโดยตรงอีกด้วย กฎหมายเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมเท่าที่มีอยู่ในประเทศไทยนี้
   124   125   126   127   128   129   130   131   132   133   134