Page 76 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง ปัญหาและมาตรการทางกฎหมายในการรับรองและคุ้มครองสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว
P. 76
๖๑
union libre) และบุตรของบุคคลเหล่านั้นด้วย รัฐจึงมีหน้าที่กระท่าการ (l’obligation positive) อย่างใดๆ
เพื่อให้ความสัมพันธ์ของบุคคลเหล่านั้นกับบุตรด่ารงอยู่
(๒) กรณีการส่งบุตรผู้เยาว์ไปยังสถานแรกรับ
ในกรณีที่คู่สามีภริยาไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ได้และได้ส่งบุตรผู้เยาว์
ของตนไปให้แก่ส่านักงานช่วยเหลือสังคม (l’assistance publique) หรือส่านักงานใช้ดุลพินิจ
ด่าเนินการดังกล่าวเอง ในกรณีเช่นนั้น ส่านักงานอาจต้องใช้อ่านาจต่างๆ อันเป็นอ่านาจปกครอง (les
prérogatives de l’autorité parentale) แทนบิดามารดาที่แท้จริง โดยเฉพาะอ่านาจในการดูแลบุตร (la
garde de l’enfant) จ่ากัดหรือเพิกถอนสิทธิในการเยี่ยมของบิดามารดา ตลอดจนส่งบุตรผู้เยาว์ไปยัง
สถานแรกรับ(un foyer d’accueil) เพื่อการดูแลต่อไป การตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ดังกล่าวข้างต้นจะเป็น
การชอบด้วยกฎหมายก็ต่อเมื่อพิจารณาถึงประโยชน์ของบุตร (l’intérêt de l’enfant) เป็นส่าคัญ แต่ทั้งนี้
การตัดสินใจต่างๆ นั้นจะต้องกระท่าโดยรู้ถึงสถานะของบิดามารดาและสถานะของบุตร และอาจได้รับ
การตรวจสอบควบคุมโดยองค์กรศาล (un contrôle judiciaire)
๘๐
ในคดี B., H., O., R. et W. c/Royaume-Uni ศาลแห่งยุโรปด้านสิทธิ
มนุษยชนพิจารณาว่าการตัดสินใจเช่นนี้ขององค์กรของรัฐเป็นการกระท่าอันเป็นการแทรกแซงในชีวิต
ครอบครัว ซึ่งจะเป็นการกระท่าโดยชอบตามนัยแห่งวรรคสองของข้อ ๘ ก็ต่อเมื่อการตัดสินใจต่างๆ นั้นมี
กฎหมายอ้างอิงได้ กระท่าไปเพื่อวัตถุประสงค์ตามที่บัญญัติไว้ซึ่งในที่นี้ คือ สุขภาพจิตและสุขภาพ
ร่างกายของบุตร และเป็นสิ่งจ่าเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์นั้นในสังคมประชาธิไปไตย ทั้งนี้ การ
ตัดสินใจเช่นนั้นจะต้องกระท่าโดยรู้เห็นถึงสถานะของบิดามารดาและสถานะของบุตรนั้น และองค์กรของ
รัฐได้ปรึกษาหารือกับบิดามารดาของบุตรนั้นก่อนที่จะตัดสินใจด่าเนินการใดๆ การปรึกษาหารือเช่นนั้น
เป็นขั้นตอนที่จ่าเป็น (une phase obligatoire) ในกระบวนการตัดสินใจขององค์กรของรัฐเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ศาลยังได้อธิบายเพิ่มเติมว่าการตัดสินใจหรือค่าสั่งขององค์กร
ของรัฐจะต้องสามารถถูกโต้แย้งหรือตรวจสอบได้โดยกระบวนการยุติธรรม (de recours judiciaires)
เพื่อตรวจสอบถึงความชอบธรรมของการตัดสินใจหรือค่าสั่ง (le bien-fondé de la décision) ของ
องค์กรของรัฐ ทั้งนี้ การตรวจสอบดังกล่าวจะต้องสามารถกระท่าได้ภายในเวลาอันสมควร (un délai
rasionnable)
ด้วยเหตุนี้ ศาลแห่งยุโรปจึงวินิจฉัยว่ากฎหมายแห่งสหราชอาณาจักร
(ที่มีการโต้แย้งในเรื่องร้องเรียนนี้) ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ก่าหนดไว้ในวรรคสองของข้อ ๘ ของอนุสัญญา
แห่งยุโรปว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวอนุญาต
ให้องค์กรของรัฐท่าการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ได้โดยไม่จ่าต้องปรึกษาหารือบิดามารดาของบุตร
ที่เกี่ยวข้องเสียก่อน อีกทั้งไม่สอดคล้องกับความในวรรคหนึ่งของข้อ ๖ ของอนุสัญญาแห่งยุโรป (เกี่ยวกับ
๘๐ Arrêt B., H., O., R. et W. c/Royaume-Uni, Volume n° 120 de la série A des publications de la
Cour; B., R. และ W. n° 121.