Page 32 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง ปัญหาและมาตรการทางกฎหมายในการรับรองและคุ้มครองสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว
P. 32
๑๗
(๑) เงื่อนไขเกี่ยวกับบุคคลผู้กระท าการอันเป็นการแทรกแซงสิทธิในชีวิต
ส่วนตัวของบุคคล
เมื่อได้พิจารณาความในวรรคสองของข้อ ๘ ของอนุสัญญาว่าด้วยการ
คุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานซึ่งก่าหนดว่า “การแทรกแซงการใช้สิทธิส่วนตัวของบุคคล
โดยองค์กรของรัฐจะกระท าได้ก็เฉพาะแต่เมื่อ " ...แล้ว จะเห็นได้ว่าบุคคลผู้อาจกระท่าการอันเป็นการ
แทรกแซงสิทธิในชีวิตส่วนตัวของบุคคลอื่นโดยมีเหตุอันชอบธรรมที่จะกระท่าเช่นนั้นได้จ่ากัดเฉพาะแต่
“องค์กรของรัฐ” หรือ “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” (une autorité publique) เท่านั้น กล่าวอีกนัยหนึ่งองค์กรของรัฐ
หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐจะกระท่าการหรือด่าเนินมาตรการอย่างหนึ่งอย่างใดอันมีผลเป็นการแทรกแซงสิทธิ
ในชีวิตส่วนตัวของบุคคลหนึ่งได้เฉพาะแต่ใน “ความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรของรัฐกับเอกชน” (les rapports
de la puissance publique et des particuliers) เท่านั้น
โดยนัยดังกล่าว ความดังกล่าวข้างต้นมิได้หมายความว่าหากผู้กระท่าหรือ
ด่าเนินมาตรการอันเป็นการแทรกแซงสิทธิในชีวิตส่วนตัวของบุคคลเป็นเอกชนเช่นเดียวกับบุคคลซึ่งสิทธิ
ของตนถูกแทรกแซงนั้น หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง การกระท่าอันเป็นการแทรกแซงสิทธิในชีวิตส่วนตัวของ
บุคคลเกิดขึ้นใน “ความสัมพันธ์ระหว่างเอกชน” ด้วยกันเอง (les rapports entre particuliers) แล้ว
ผู้กระท่าการเช่นนั้นจะสามารถกระท่าได้หรือไม่มีความรับผิดใดๆ และสามารถยกข้อยกเว้นตามความ
วรรคสองของข้อ ๘ ของอนุสัญญาแห่งสหภาพยุโรปว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพ
ขั้นพื้นฐานเป็นข้อกล่าวอ้างแต่อย่างใด ตรงกันข้าม ในทางวิชาการกฎหมายมีการตีความโดยทั่วไปว่าสิทธิ
มนุษยชนประการต่างๆ ดังที่ได้รับการรับรองและคุ้มครองในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและ
อนุสัญญาแห่งยุโรปว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานจะต้องตีความอย่างกว้าง
และได้รับการรับรองและคุ้มครองไม่เพียงแต่ในความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรของรัฐและเอกชนเท่านั้น
หากแต่ยังได้รับการรับรองและคุ้มครองในความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนด้วยกันเองอีกด้วย การตีความ
ในแนวทางดังกล่าวยังได้รับการยืนยันตามข้อ ๑๓ ของอนุสัญญาแห่งยุโรปว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิ
มนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ซึ่งบัญญัติว่า “บุคคลทุกคนซึ่งสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของตนได้รับ
การคุ้มครองตามอนุสัญญาฉบับนี้ถูกล่วงละเมิด มีสิทธิที่จะฟ้องคดีต่อศาลแห่งรัฐของตน แม้ว่าการ
๒๓
ล่วงละเมิดนั้นจะกระท าขึ้นโดยบุคคลซึ่งปฏิบัติหน้าที่ของตนก็ตาม ” โดยนัยเช่นนี้ จึงต้องตีความว่า
การแทรกแซงหรือล่วงละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพขั้นพื้นฐานของเอกชนคนหนึ่งโดยเอกชนอีกคนหนึ่ง
ย่อมจะกระท่ามิได้ยิ่งกว่า ดังนั้น นอกจากรัฐภาคีแห่งอนุสัญญาแห่งยุโรปว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิ
มนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานจะมีหน้าที่ที่จะต้องเคารพสิทธิต่างๆ ที่ได้รับการคุ้มครองไว้
ในอนุสัญญาแล้ว โดยจะต้องไม่กระท่าการใดๆ อันเป็นการแทรกแซงหรือล่วงละเมิดสิทธิในชีวิตส่วนตัว
๒๓
Article 13 « Toute personne dont les droits et libertés reconnus dans la présente Convention
ont été violés, a droit à l’octroi d’un recours effectif devant une instance nationale, alors même que la
violation aurait été commise par des personnes agissant dans l’exercice de leurs fonctions
officielles. »