Page 206 - แด่ศักดิ์ศรีเสมอกันทุกชั้นชน : วรรณกรรมกับสิทธิมนุษยชนศึกษา
P. 206

วรรณกรรมกับสิทธิมนุษยชนศึกษา   205



                     จากเรื่อง ใบไม้ร่วงในป่าใหญ่ พรานเนียน จากเรื่อง หอมกลิ่นป่า พรานแพ จากเรื่อง ไพรมืด พรานหริ่ง จาก
                     เรื่อง พรานคนสุดท้าย และ เชี่ยว นายพรานหนุ่มใหญ่ จากเรื่อง รางเหล็กในป่าลึก เป็นต้น


                            วัธนา บุญยังสร้างตัวละคร “พรานผู้รู้” ให้เป็นตัวแทนของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ
                     ตัวละครนายพรานจะทําหน้าที่เป็นผู้ถ่ายทอดปัญหาและแสดงความเป็นไปของธรรมชาติ นายพรานของวัธนา

                     สามารถเชื่อมโยงสภาพธรรมชาติในอดีตและฉายภาพความเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่งในป่าได้อย่างผู้รู้แจ้ง
                     ดังนั้นการเล่าเรื่องแบบบุรุษที่ 3 ที่ผู้แต่งถ่ายทอดความนึกคิดและกระทําของตัวละครนายพราน จึงเป็นกลวิธี

                     ที่ทําให้ผู้อ่านเห็นภาพธรรมชาติได้ทันทีและมีน้ําหนักน่าเชื่อถือ ด้วยตรรกะเกี่ยวกับนายพราน (คือผู้เชี่ยวชาญ
                     แห่งพงไพร) ย่อมส่งผลให้สิ่งที่นายพรานพบเห็นและบรรยายออกมานั้นสมจริงและน่าเชื่อถือ กลวิธีนี้จึงมีพลัง

                     โน้มน้าวใจผู้อ่านได้อย่างดี ตัวอย่างเช่น

                                   “อากาศเริ่มร้อนจัดขึ้นทุกวัน แลไปทางไหนก็เห็นแต่ไม้ยืนต้นโกร๋น มีไม้ที่ไม่ผลัดใบสลับ

                            อยู่บ้างแต่ก็หงอยเหงาเต็มที ผืนป่าที่เคยมีน้ําชุ่มฉ่ําเมื่อหน้าฝน บัดนี้กลับแห้งผากและร้อนระอุ ลํา
                            ห้วยลําธารที่เคยมีน้ําหล่อเลี้ยงแห้งเหือดเกือบหมด...
                                   ลุงหนูเห็นสภาพความแห้งแล้งของป่าแล้วไม่สบายใจ เพราะมันแล้งนานอย่างนี้ สิ่งที่จะ
                            ตามมาคือ ไฟป่า ซึ่งหมายถึงหายนะของสิ่งทั้งมวลในป่าก็ว่าได้ วันหนึ่งจึงพูดขึ้นว่า วันนี้อย่าเพิ่งทํา

                            อะไรเลย มาช่วยกันถางหญ้า เก็บกวาดใบไม้รอบบ้านให้เตียนก่อนเถอะ ข้าสงสัยว่ามันจะมีไฟป่า
                            ตอนบ่ายๆ มันร้อนจนใบไม้แห้งเกือบจะติดไฟอยู่แล้ว”
                                                                                     (ใบไม้ร่วงในป่าใหญ่, 2531: 98)


                            ความเข้าใจวิถีแห่งป่าเป็นภูมิปัญญาที่สั่งสมจากการเรียนรู้ชีวิตในป่า ลุงหนูเห็นสภาพป่าก็สามารถ

                     คาดการณ์ได้ทันที่ว่าจะเกิดสิ่งใดตามมา เช่น “นึกแล้วเชียว ป่ามันแห้งกรอบเหลือเกิน ในที่สุดมันก็มาจริงๆ...
                     คืนนั้นทุกคนนอนฟังเสียงไม้ไผ่แตกโป้งป้างอยู่จนดึก บางครั้งก็ได้กลิ่นควันไฟจางๆ ลอยมาตามลม แต่ไฟป่าก็
                     ยังไม่มีทีท่าว่าจะมาใกล้...” (ใบไม้ร่วงในป่าใหญ่, 2531: 99)


                            นายพรานคือผู้รู้จริงและเข้าใจวิถีของป่าหรือสัตว์ป่าอย่างถ่องแท้ พรานหริ่ง ในเรื่อง พรานคนสุดท้าย

                     กลายเป็นปราชญ์แห่งชุมชนและเป็นผู้นําชุมชนที่สอนให้เข้าใจวิถีธรรมชาติ ป่า และสิ่งมีชีวิต ดังนั้นไม่ว่าภาพ
                     ธรรมชาติจากมุมมองของพรานหริ่งจะถูกบรรยายออกมาในลักษณะใดภาพนั้นย่อมมีความหมาย ด้วยเหตุนี้

                     วัธนาจึงส่งสารสําคัญ (message) เกี่ยวกับการอนุรักษ์และดูแลป่าสู่ผู้อ่านผ่านปากของนายพราน เช่น

                                 “ถ้าอยากจะอยู่ที่นี่ด้วยกันก็เอา ป่าออกกว้างข้าไม่ขวางไม่หวงหรอก แต่อยู่ด้วยกันก็ต้อง

                            เชื่อฟังกัน ยามมีภัยต้องช่วยเหลือกัน อย่ามาข่มเหงรังแกกันเอง อ้อ แล้วอีกอย่างพวกข้าเป็น
                            พราน ไม่ชอบถางป่า พวกเอ็งจะปลูกข้าวปลูกมันก็ทําไปแต่อย่าถางป่าเกินจําเป็น อีกอย่างอย่า
   201   202   203   204   205   206   207   208   209   210   211