Page 197 - แด่ศักดิ์ศรีเสมอกันทุกชั้นชน : วรรณกรรมกับสิทธิมนุษยชนศึกษา
P. 197

196      แดศักดิ์ศรีเสมอกันทุกชั้นชน



                       อาจกล่าวได้ว่าวรรณกรรมของวัธนา บุญยังเป็นพื้นที่เสนออุดมการณ์ในการรักษาป่าไม้ ทําให้เห็นแนว
                ทางการสร้างสรรค์วรรณกรรมที่ชัดเจนตลอดช่วง 34  ปี วัธนา บุญยังมีผลงาน (เรื่องสั้น) ลงพิมพ์ครั้งแรกใน

                หนังสือฟ้าเมืองทองในช่วงปี พ.ศ.2519-2520 จากนั้นเขาก็ทํางานเขียนเรื่อยมา มีผลงานรวมเล่มเป็นครั้งแรก
                ปี 2528 จากงานแปลเรื่อง The  Incredible  Journey  เป็นเรื่องราวการผจญภัยหาทางกลับบ้านของสัตว์เลี้ยง
                สามตัวใช้ชื่อเป็นไทยว่า “เส้นทางเถื่อน” ตลอด 34  ปีในแวดวงวรรณกรรม วัธนา บุญยังผลิตวรรณกรรม

                หลายประเภททั้งเรื่องสั้น นวนิยาย สารคดี และเรื่องแปล ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับป่าที่ชี้ชวนให้ผู้อ่านเกิด
                ความรักธรรมชาติ เน้นให้เห็นถึงความสําคัญของระบบนิเวศ พืชพันธุ์และสัตว์ป่า ปัจจุบันเขายังคงทํา

                สร้างสรรค์วรรณกรรมเกี่ยวกับป่า ควบคู่ไปกับการเดินทางท่องเที่ยวไปตามป่าเขาลําเนาไพร

                       จุดยืนที่เด่นชัดในการสร้างสรรค์วรรณกรรมของวัธนาสอดคล้องกับมโนทัศน์การวิจารณ์วรรณกรรมเชิง
                นิเวศสํานึก (ecocriticism) และมโนทัศน์เรื่องสิทธิชุมชนหรือสิทธิการจัดการทรัพยากร (community rights)
                ผู้ศึกษาจึงนํามโนทัศน์ทั้ง 2  มาทดลองอ่านวรรณกรรมของวัธนา ด้วยมุ่งหวังว่าการศึกษาวรรณกรรมด้วย

                มโนทัศน์การวิจารณ์วรรณกรรมเชิงนิเวศสํานึกและมโนทัศน์เรื่องสิทธิชุมชน โดยเฉพาะเรื่องสิทธิการจัดการ
                ทรัพยากรจะทําให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างวิถีแห่งธรรมชาติและวิถีมนุษย์ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น

                ผู้ศึกษาขออธิบายมโนทัศน์ดังกล่าวโดยสังเขป ดังนี้


                  การวิจารณ์วรรณกรรมแนวนิเวศสํานึก (ecocriticism)

                                                                      ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับ

                                                               ธรรมชาติปรากฏในงานวรรณกรรมไทยมา

                                                               ยาวนาน นักวรรณกรรมศึกษาตระหนักดีว่านัก
                                                               ประพันธ์ไทยใช้ธรรมชาติเป็นแรงบันดาลใจและ
                                                               เป็นพลังทางปัญญาในการสร้างสรรค์วรรณกรรม

                                                               เช่น กวีไทยโบราณรจนาวรรณคดีประเภทนิราศ
                                                               โดยอาศัยธรรมชาติเป็นแรงบันดาลใจ กวีจะ

                                                               พรรณนาอารมณ์ความรู้สึกเหงาเศร้าเพราะพลัด
                                                               พรากจากรัก หรือบรรยายประสบการณ์ที่พบ

                เห็นขณะเดินทาง โดยเชื่อมโยงความรู้สึกเหล่านั้นเข้ากับธรรมชาติรอบตัวและสร้างสรรค์กวีโวหารเพื่อสื่อให้
                ผู้อ่านเห็นเป็นภาพ ดังนั้นมวลเมฆ สายลม แสงแดด แสงดาว ดอกไม้ ต้นไม้ ปลา นก และสายน้ําจึงถูกนํามา

                เป็นตัวเปรียบเทียบ เช่น  กวีมองเห็นดอกแก้วและได้สูดกลิ่นหอมหวาน จิตก็กระหวัดถึงนางคนรักที่จากมา
                รําพึงคล้ายว่าหญิงคนรักนั้นมาอยู่ใกล้ จึงพรรณนาอารมณ์ออกมาเป็นกวีโวหาร
   192   193   194   195   196   197   198   199   200   201   202