Page 178 - แด่ศักดิ์ศรีเสมอกันทุกชั้นชน : วรรณกรรมกับสิทธิมนุษยชนศึกษา
P. 178

วรรณกรรมกับสิทธิมนุษยชนศึกษา   177



                                                                             กวีนิพนธ์ของอุชเชนี กล่าวถึง
                                                                      เหตุการณ์ในตอนนั้นว่าเนื่องจากในระหว่างที่

                                                                      ไทยเข้ามีส่วนร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น
                                                                      ญี่ปุ่นได้ควบคุมสนามบิน ทางรถไฟ และ
                                                                      เส้นทางคมนาคมเพื่อการทหาร รวมทั้งยังเข้า

                                                                      รุกรานประชาชน เรียกร้องเครื่องอุปโภค
                                                                      บริโภค รวมทั้งทําร้ายประชาชนกลุ่มที่

                            รถไฟจากไทยสู่พม่า เรียกกันว่า ทางรถไฟสายมรณะ   ขัดขวางการทํางานและต่อต้านการเข้ามา
                                   (Death Railway) จ.กาญจนบุรี        ของญี่ปุ่นด้วย อุชเชนีในฐานะกวีร่วมสมัยจึง

                     ต่อต้านสงคราม ด้วยการแสดงถึงความโหดร้ายอย่างรุนแรงของสงคราม โดยใช้น้ําเสียงที่กล่าวออกมาแบบ

                     เกรี้ยวกราด รุนแรง ซึ่งใช้คําและน้ําเสียงดังกล่าวเพื่อนําพาผู้อ่านให้เสมือนได้ไปประสบภาวะนั้นด้วยตนเอง
                     ดังเช่นในบทกวีนิพนธ์ “ศานติสิยอดบูชา” ที่ว่า

                                             ความตายปราบพ่นมนต์ขลัง    ประดังกระแทกแหลกป่น
                                   เราโจนโผนผลุดรุดร้น                 กลิ้งกล่นกระเสือกเกลือกดิน
                                          ฝันร้ายเหมือนไฟนรก           ลามแลบแสบอกกายสิ้น
                                   น้ําตาพร่ามัวรัวริน                 ด่าวดิ้นกลางแร้วแนวลวง

                                          สงครามหยามเย้ยยิ้มหัว        แสยะยั่วย่ามใจใหญ่หลวง
                                   โลหิตสดสดซดตวง                      พีพ่วงกอบก่อทรกรรม
                                                                                           (อุชเชนี, 2544: 69)


                            นอกจากนี้ยังพบว่าอุชเชนีเป็นกวีที่มักจะกล่าวถึงความยากลําบากและความเดือดร้อนของประชาชน
                     โดยทั่วไปอีกด้วย อุชเชนีมีมุมในการมองเห็นความสูญเสียที่เป็นไปในระดับครัวเรือนของหญิงและเด็กที่ต้อง
                     สูญเสียชายผู้ซึ่งเป็นผู้นําครอบครัว (ซึ่งอาจไปเป็นทหาร อาสาสมัคร หรือทํางานในหน่วยที่เกี่ยวกับการรบ)

                     มากกว่ากวีชายที่มักจะมองในเรื่องการเมืองหรือมองว่าเป็นความสูญเสียที่เกิดขึ้นในองค์รวมมากกว่า เช่นใน
                     กวีนิพนธ์  “เมื่อศึกมีมา” อุชเชนี ได้สะท้อนภาพความยากไร้ของแม่ลูกคู่หนึ่งออกมาว่า


                                   แสนระกําตรําตรากและยากไร้           กลางผองภัยบีบล้นชนประชา   [...]
                                   นางเฝ้าเหม่อเผลอใจลอยไปอื่น         กลางค่ําคืนครวญคะนึงถึงใครนี่
                                   ถอนฤทัยไหวระทึกตรึกฤดี              เมื่อศึกมีมาเหลือเบื่อระบม

                                   ไร้อาหารบ้านนาที่อาศัย              ไร้เพื่อนใจจึงฟกขื่นอกขม
                                   หนูน้อยเอ๋ยเคยกระหายสายน้ํานม       จักซวดซมอดซานสงสารนัก
                                                                                   (อุชเชนี, 2544: 60-61)
   173   174   175   176   177   178   179   180   181   182   183