Page 108 - แด่ศักดิ์ศรีเสมอกันทุกชั้นชน : วรรณกรรมกับสิทธิมนุษยชนศึกษา
P. 108
วรรณกรรมกับสิทธิมนุษยชนศึกษา 107
แล้วหยิบหอกชื่อสัตตะโลหะ ว่านี่ละฤทธีดีขยัน
กับเทียนระเบิดเปิดน้ําเป็นสําคัญ มีดหมอนั้นลงเลขเสกอาคม
มาส่งให้เจ้าไกรแล้วให้พร จงถาวรผาสุกอย่าทุกข์ถม
นึกอะไรให้ได้ตามความนิยม ทั้งอาคมวิทยาให้กล้าดี
(บุษย์, 2521: 31)
ตัวละครทั้งสองใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา เนื่องจากเกิดร่องรอยการต่อสู้เป็นเลือด บาดแผล
และการบาดเจ็บของชาลวัน ดังคําประพันธ์ตอนชาลวันสู้กับไกรทองที่ว่า
ขณะนั้นชาละวันไม่พรั่นจิตต์ สําแดงฤทธิ์เข้าใกล้มิได้หนี
เอาคางเกยแพล่มจมนที เข้าราวีไกรทองคะนองฤทธิ์
ข้างเจ้าไกรใจหาญทะยานจับ โดดแทงฉับถูกอักชะนักติด
กุมภาร่าถาโถมกระโจมชิด คะนองฤทธิ์แน่นอัดสลัดหลุด
แล้วเลยทําสิงหนาทเผ่นฟาดผาง ไกรทองรับจับหางกระชากฉุด
กุมภีล์ร้ายกลายเป็นแผลแย่มนุษย์ จะรบรุดเหลือล้นพ้นปัญญา
(บุษย์, 2521: 35)
จากคําประพันธ์ข้างต้น ชาลวันกับไกรทองต่อสู้กันอย่างดุเดือด จนชาลวันได้รับบาดเจ็บ บาดแผล
บนร่างกายของชาลวันเป็นหลักฐานของความรุนแรงทางตรง ซึ่งเป็นผลมาจากความรุนแรงเชิงโครงสร้างอัน
เกิดจากความขัดแย้งระหว่างเผ่าพันธุ์หรือการแยกเขาแยกเรานั่นเอง
ไม่เพียงแค่ตัวละครชายเท่านั้นที่มีความขัดแย้งระหว่างเผ่าพันธุ์ เมื่อเกิดการวิวาทหรือขัดแย้งกันใน
เรื่องความรัก ตัวละครหญิงก็มักหยิบยกเหตุผลนี้เพื่อโจมตีกัน ซึ่งยิ่งเสริมให้เกิดความรุนแรงทางตรงได้ง่ายขึ้น
ทั้งการทําร้ายร่างกายและการด่าทออีกฝ่ายหนึ่ง ดังกรณีของวิมาลาและเลื่อมลายวรรณแสดงอาการหึงหวง
เมื่อชาลวันพาตะเภาทองมาเป็นเมีย จึงเข้าต่อว่าตะเภาทองอย่างดุเดือด ตะเภาทองก็โต้กลับด้วยถ้อยคําเจ็บ
แสบอันสื่อถึงการแบ่งแยกเผ่าพันธุ์ระหว่างมนุษย์กับจระเข้ ดังนี้
ครั้นคิดแล้วตะเภาทองจึงร้องว่า อนิจจาช่างไม่เกรงข่มเหงได้
ชะแม่หม่อมเมียหลวงล่วงว่าใคร ไม่อายใจหึงส์ผัวตัวสําคัญ
ข้าสิอยากรักใคร่ได้กุมภา จึงต้องมาพาลผิดไม่คิดพรั่น
ผัวของเจ้าๆเอาไปไว้ด้วยกัน ข้าสิมันหยาบช้าเป็นกาลี
(บุษย์, 2521: 26)